วูล์ฟส์ 1-0 เชลซี : เก็บตก 5 ประเด็นร้อนหลังเกม พรีเมียร์ลีก สิงห์ ฟอร์มหดประเดิมโค้ชใหม่ บุกพ่ายหมาป่า ไม่มีลุ้น

Wolverhampton Wanderers v Chelsea FC - Premier League
Wolverhampton Wanderers v Chelsea FC - Premier League / Matthew Ashton - AMA/GettyImages
facebooktwitterreddit

รายการ:

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2022/23

วันแข่งขัน:

วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2023

สนาม:

โมลินิวซ์ สเตเดี้ยม

ผลการแข่งขัน:

วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 เชลซี


บอลเปลี่ยนโค้ช...ทำพัง

ปกติแล้ว บอลเปลี่ยนโค้ชเขาก็มักจะมีผลงานดีขึ้นทันตาเห็น ผลการแข่งขันมักพลิกจากร้ายเป็นดีในชั่วข้ามคืน แต่กลับใช้ไม่ได้กับ เชลซี ที่เปลี่ยนจากกุนซือชั่วคราว บรูโน่ ซัลตอร์ มาเป็นกุนซือชั่วคราวคนใหม่ (!?) แฟร้งค์ แลมพาร์ด

นี่คือการกลับมาทำทีมรอบ 2 ของอดีตกองกลางจอมจบสกอร์ อย่างที่ทราบกัน ซึ่งอันที่จริงในการบุกเตะทีมท้ายแถวที่ไม่ชนะใครมา 3 เกมซ้อนอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน ก็ไม่น่าใช่ปัญหาใหญ่ในการที่ เชลซี จะบุกชนะ

แต่ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม... เชลซี แพ้ 0-1 จากลูกยิงสุดงามของ มาเตอุส นูเนส (น.31) โดยที่ทัพนักเตะสิงห์ไม่ได้สวมหัวใจสิงห์ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการหือการอืออะไรสักเท่าไหร่เลย

ตลอดเกม เชลซี ยิงตรงกรอบแค่ 1 ครั้งถ้วนเท่านั้น...ดูไม่ผิดครับ 1 ครั้งถ้วน

João Gomes, Enzo Fernandez
Wolverhampton Wanderers v Chelsea FC - Premier League / James Gill - Danehouse/GettyImages

แลมพาร์ด รีบร้อนปรับหมากเกินไป

อย่างที่คงพอเห็นกัน ใน 2 เกมหลังที่ได้ผลไม่เข้ามือ เกมแพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2 (เกรแฮม พ็อตเตอร์) และเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 (บรูโน่ ซัลตอร์) เชลซี เล่นได้ไม่เลวเลย แบบที่ถ้าเกมรุกเฉียบคมขึ้นหน่อย ก็มีสิทธิ์ชนะได้ทั้ง 2 นัดนั้น

เกมแพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2 เชลซี สร้างโอกาสจบ 27 ครั้ง ตรงกรอบ 8
เกมเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 เชลซี สร้างโอกาสจบ 12 ครั้ง ตรงกรอบ 3 / โดนวีเออาร์ริบสกอร์ฉิวเฉียด 2 รอบ

สิ่งที่เกิดขึ้น หมายถึงว่า พวกเขา "เล่นดี" พอสมควรแล้ว แค่จบไม่ลงเองเท่านั้น

แต่ไม่ใช่กับเกมนี้ที่ โมลีนิวซ์ สเตเดี้ยม

วันนี้ เชลซี สร้างโอกาสจบ 13 ครั้ง ตรงกรอบ 1 หนถ้วน ซึ่งคือลูกส่องไกลของ เจา เฟลิกซ์ ที่ตรงเข้าอ้อมอก โชเซ่ ซา อย่างไม่ลำบาก

นอกนั้นตลอดทั้งเกมมีเพียงจังหวะเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ถ้าไม่หลุดกรอบก็ติดบล็อก -- บีบีซี บรรยายสรุปเกมนี้ว่า "วูล์ฟส์ คู่ควรกับชัยชนะแล้ว"

ฟอร์มที่เปลี่ยนจากดีเป็นแย่ในฉับพลัน เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องชี้เป้าไปยัง แลมพาร์ด

ว่าหลังเพิ่งเข้านั่งเก้าอี้รอบ 2 แค่ไม่กี่วัน ได้คุยกับลูกทีมใหม่ครบคนหรือยังก็ไม่รู้ แลมพาร์ด ก็เลือกรื้อระบบเปลี่ยนจาก 3-4-3 หรือ 3-5-2 ที่นักเตะคุ้นเคยมาตลอดในยุค พ็อตเตอร์/บรูโน่ มาเป็นแผงแบ็กโฟร์ 4-3-3 ทันที

ผลคือ กลางไม่ดุดัน ริมเส้นสองข้างขาดพลังเสริมจากฟูลแบ็ก และแนวรุกก็ไม่ดีพอจะเจาะหลังบ้านเจ้าถิ่นเข้าไปได้ (ถ้าวูล์ฟส์ไม่ยิง เกมก็คงจบ 0-0 อยู่ดี)

พูดง่ายๆ คือ นักเตะออกจะสับสน ไม่คุ้นกับ 4-3-3 ที่ แลมพาร์ด นำมาใช้

และก็ส่งผลโดยตรงเป็นฟอร์มที่สะดุดตกหล่น เป็นแผ่นเสียงตกร่องเห็นๆ

Frank Lampard
Wolverhampton Wanderers v Chelsea FC - Premier League / James Gill - Danehouse/GettyImages

หน้าเป้าต้องเปลี่ยน

โปรดเลิกหวังกับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ในฐานะหัวหอกตัวเป้า แล้วกลับไปใช้งาน ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง หรือลองขยับ เจา เฟลิกซ์ มายืนบ้าง หรือไม่ก็ลองเปิดที่ทางให้เด็กใหม่อย่าง โนนี่ มาดูเอเก้ หรือ ดาวิด ดาโตร โฟฟาน่า ลงแทนตำแหน่งเสีย

เพราะมันก็นานมาแล้วที่พอจะพูดได้ว่า ฮาแวร์ตซ์ "เล่นได้เยี่ยม" กับการยืนค้ำบนสุด

ยิ่งตรวจตราแต่ละเกมยิ่งเห็น ไม่ต้องอะไร กับ "คะแนนนักเตะเชลซี" ที่ 90min มอบให้ในแต่ละเกมนี่ก็พอ

แพ้ สเปอร์ส - 5/10

ชนะ ลีดส์ - 5/10

ชนะ ดอร์ทมุนด์ - 6/10

ชนะ เลสเตอร์ - 7/10

เสมอ เอฟเวอร์ตัน - 6/10

แพ้ วิลล่า - 4/10

เสมอ ลิเวอร์พูล - 4/10

เกมนี้ - 4/10

หลังเกมที่แพ้ สเปอร์ส 0-2 ปลายเดือน ก.พ. เราบรรยายการเล่นของ ฮาแวร์ตซ์ ไว้ว่า "เป็นอีกเกมที่บอกว่า ฮาแวร์ตซ์ ไม่ใช่กองหน้าตัวเป้าที่ เชลซี จะสามารถฝากความหวังได้เต็มที่ ด้วยลักษณะการเล่นที่เน้นความฉาบฉวย ชิงจังหวะมากกว่าจะเล่นเกมชนเกมหนักแบบศูนย์หน้าตัวเป้าของฟุตบอลแบบอังกฤษๆ"

มาวันนี้ ก็ยังต้องยืนยันประโยคเดิม--ไม่มีคำไหนต้องเปลี่ยนเลย

FBL-ENG-PR-WOLVES-CHELSEA
FBL-ENG-PR-WOLVES-CHELSEA / DARREN STAPLES/GettyImages

พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ของ เชลซี จบลงแล้ว

แพ้เป็นนัดที่ 11 หยุดนิ่งที่อันดับ 11 และนับวันก็ยิ่งจะโดนท็อป 4 ท็อป 6 เพิ่มระยะห่างแต้มขึ้นไป

นาทีนี้ การแอบหวังน้อยสุดอย่างโควตา ยูโรป้า ลีก ก็เริ่มจะเลือนลางแล้ว

เมื่อตามหลังอันดับ 5 สเปอร์ส 14 แต้ม และ/หรือตามอันดับ 6 แอสตัน วิลล่า 8 คะแนน

ส่วน ชปล. เลิกพูดได้เลย เมื่อตามเบอร์ 4 แมนฯ ยูไนเต็ด 17 คะแนน (แถมผีเตะน้อยกว่า 1 นัด)

โอกาสเดียวที่จะมี เชลซี ร่วมสังฆกรรม ชปล. ซีซั่นหน้า ก็คือการหวังให้ แลมพาร์ด พาทีมหักด่าน เรอัล มาดริด ให้ได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย (นัดแรก พุธหน้า) แล้วพุ่งทะยานไปถึงการชูถ้วยบิ๊กเอียร์ในที่สุด

สำหรับ พรีเมียร์ลีก พูดได้ว่า "ไม่ต้องหวังอะไรแล้ว" 8 นัดสุดท้ายที่ยังเหลือ แลมพาร์ด มีหน้าที่แค่ประคองตัวไม่ให้แย่ไปกว่านี้อีก ก็พอ

Wolverhampton Wanderers v Chelsea FC - Premier League
Wolverhampton Wanderers v Chelsea FC - Premier League / Matthew Ashton - AMA/GettyImages

หมาป่า ยังชะล่าใจไม่ได้

สำหรับทางฝั่ง วูล์ฟแฮมป์ตัน ของ จูเลน โลเปเตกี หายใจโล่งคอขึ้นหน่อยกับชัยชนะหนแรกในรอบ 4 เกม และหนที่ 2 ในรอบ 8 เกมหลัง

ก็ วูล์ฟส์ นี่เองที่ยืนอันดับ 12 ตามหลัง เชลซี อยู่ติดๆ ในตารางคะแนน

อย่างไรก็ตาม 31 แต้มที่ทัพหมาป่ามีในมือ ก็ยังไม่ได้การันตีอะไรให้พวกเขาได้แต่อย่างใด

เมื่อทีมอันดับ 18 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ มีอยู่ 27 แต้ม เท่ากับตามหลัง วูล์ฟส์ แค่ 4 คะแนนเท่านั้น หรือแม้แต่บ๊วย เซาแธมป์ตัน (ก่อนเกมกับ แมนฯ ซิตี้) ก็ตามหลังอยู่แค่ 8 แต้ม ซึ่งไม่ได้ห่างกันเกินเอื้อมถึง

เท่ากับอันที่จริง จากอันดับ 12 ณ ตอนนี้ วูล์ฟส์ ยังมีสิทธิ์จบได้ทุกตัวเลข ตั้งแต่ 12 ลงไปยัน 20

และพวกเขาต้องเน้นทุกนัด หวังเอาทุกแต้ม เพื่อไม่ให้ซีซั่นนี้ที่ชนะมาได้ทั้ง ลิเวอร์พูล (3-0), สเปอร์ส (1-0) และ เชลซี (1-0) จบลงด้วยคราบน้ำตาในท้ายที่สุด

Matheus Nunes
Wolverhampton Wanderers v Chelsea FC - Premier League / James Gill - Danehouse/GettyImages