เชลซี 2-0 แบล็คเบิร์น : ประเด็นที่ได้จากเกม คาราบาว คัพ นัด สิงห์น้ำเงิน ฮึดคำรามก้อง คืนความสุขให้แฟนๆ - FEATURE

รายการ: ฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบ 4
วันแข่งขัน: วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน 2566
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 2-0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

กะเอาตาย

ชัดเจนว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ "อยากได้" ถ้วยนี้ เพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจให้กับทีมในยามยาก เมื่อจะไปลุ้นตีตั๋ว แชมเปี้ยนส์ ลีก กับใครเขาคงไม่ไหว และที่สำคัญ เชลซี จำเป็นที่จะต้องชนะนัดนี้ หลังจากล่าสุดกล้าๆ แพ้ เบรนท์ฟอร์ด คาบ้านมา

นั่นจึงทำให้ใน 11 ตัวจริงของวันนี้ มีแกนหลักจากเกมเมื่อวันเสาร์อยู่มากถึง 7 ราย คือ โรเบิร์ต ซานเชซ, มาร์ก กูกูเรย่า, อักเซล ดิซาซี่, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, โคล พาล์มเมอร์ และ นิโคลัส แจ๊คสัน

ยังต้องบวกด้วย เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ที่หายเจ็บกลับมา เช่นเดียวกับกัปตันทีม รีซ เจมส์

งานนี้ ไม่สนเลยว่าคู่แข่งจะมาจากลีกไหน พี่สิงห์กะเอาตายค่ะ!

11 ปีแห่งความหลัง

ระหว่าง เชลซี กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แน่นอนว่าชื่อแรกสุดที่วาบมาในความคิด คือ คริส ซัตตัน ตำนานดาวยิงที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับทัพกุหลาบไฟ แล้วจึงย้ายมา เชลซี ในช่วงหนึ่ง และก็ยังมี เดเมี่ยน ดัฟฟ์ หรือ แกรม เลอ โซซ์ ด้วย

ที่ต้องขุดประวัติศาสตร์มารำลึกกัน ก็เพราะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ตกชั้นไปนานปีจนนับนิ้วกันแทบจะไม่ถูกแล้ว

นั่นทำให้หนสุดท้ายที่ แบล็คเบิร์น ได้มาเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้องย้อนไป 11 ปีที่แล้ว -- ท้ายซีซั่น 2011/12 เชลซี เปิดบ้านเชือด 2-1 ด้วยประตูของ จอห์น เทอร์รี่ กับ ราอูล เมยเรเลส

อย่าถามว่านักเตะในทีมวันนั้นยังหลงเหลือใครมาจนวันนี้ เมื่อเกือบทั้งหมดแขวนสตั๊ดไปเรียบร้อย ที่ยังเหลือดูจะมี โรเมลู ลูกากู เท่านั้น ซึ่งวันนั้นยังเป็นหัวหอกดาวรุ่งอายุ 19 อยู่เลย

ต่างระดับกันเยอะ

เยอะถึงเยอะมาก นี่ขนาดว่า เชลซี ไม่ได้อยู่ในจุดท็อปพีค ก็ยังเจองานเบาจาก แบล็คเบิร์น เลย

สถิติเมื่อหมดครึ่งแรก บอกชัดว่าเกมนี้จะไปสิ้นสุดตรงไหน เมื่อ เชลซี ครองบอลเหนือกว่า 65:35%, ได้ยิงมากกว่า 10:3 ครั้ง และยิงตรงกรอบ 4:0 หน

กว่าที่ แบล็คเบิร์น ของ ยอน ดาห์ล โทมัสสัน จะสร้างโอกาสจบได้ตรงกรอบ ก็ล่วงมาช่วงท้ายแล้ว และ เชลซี ทิ้งสกอร์เป็น 2-0 ไปก่อนพักใหญ่

ซึ่งนั่นก็เป็นจุดที่ทำให้ โปเช็ตติโน่ สามารถสั่งทีมเล่นแบบตรึงสกอร์ ทยอยเปลี่ยนสำรองลงเพื่อพักตัวหลักได้หลังจากนั้น

รุกจับต้องได้ รับสบายหายห่วง

อาจต้องส่ายหัวกับ 2 เกม พรีเมียร์ลีก ล่าสุดที่มีแค่แต้มเดียว แต่ไม่ใช่กับเกมนี้ ที่แนวรุกสร้างผลงานจับต้องได้ แนวรับก็เล่นสบายหายห่วง

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ควรต้องเล่นอย่างมั่นใจ วูบวาบ และ "กดสูตรติด" อย่างวันนี้ ในทุกเกม ให้สมกับราคาที่ เชลซี ลงทุนไป และการเคยมีดีกรีนักเตะที่ดีที่สุดของ อังกฤษ ในช่วงยุคสมัยหนึ่ง (ตอนอยู่ แมนฯ ซิตี้)

โคล พาล์มเมอร์ วันนี้ก็ทำได้เยี่ยม สมกับที่ โปเช็ตติโน่ อวยไส้แตกไว้ตั้งแต่ก่อนเกม หรือ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, แบ็กสองข้าง รีซ เจมส์ - มาร์ก กูกูเรย่า ถือว่าเล่นดีทั้งหมด

ส่วนเกมรับไม่ต้องพูดถึง ต่อให้เล่นกันอีก 3 วัน ไม่รู้ แบล็คเบิร์น จะยิงได้สักลูกไหม

ที่จะมีอะไรน่าหงุดหงิดจากเกมนี้ ก็เจ้าเก่า... นิโคลัส แจ๊คสัน ซึ่งเล่นได้แย่ในระดับ 4/10 หรือ 5/10 ไม่เกินนั้น

สำคัญคือ โปเช็ตติโน่ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเสียด้วย เมื่อ อาร์มันโด้ โบรย่า เจ็บอีกแล้ว จัดเป็นหัวหอกกระดูกยุงของแท้

ย้ำอีกทีว่าถ้วยนี้ มีลุ้น

บอกไว้ตั้งแต่รอบที่แล้วแล้วว่า เชลซี มีลุ้นถึงแชมป์รายการนี้ได้ เมื่อดูจากหลายๆ ปัจจัย

สำหรับเกมนี้ ถือเป็นนัดเรียกความมั่นใจได้ดีเลย กับการได้คู่แข่งเบาๆ เป็นทีมจากลีกรอง ที่ชัดเจนว่าคุณภาพสู้กันไม่ได้ และ เชลซี ก็ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างสบาย

อีกทั้งด้วยสถานการณ์ของคู่อื่นที่ก็ค่อนข้างเป็นใจ ทำให้ เชลซี ไม่จำเป็นต้องกลัวใครเลยในรอบหน้า

ยิ่งถ้าอะไรๆ เป็นใจแล้วด้วยล่ะก็ เผลอๆ สิงห์จะไปสุดทางเอาได้