เปแอสเช 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เก็บตกทุกประเด็นหลังศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

Paris Saint-Germain v Manchester City  - UEFA Champions League Semi Final: Leg One
Paris Saint-Germain v Manchester City - UEFA Champions League Semi Final: Leg One / Alex Grimm/Getty Images
facebooktwitterreddit

การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 4 ทีมสุดท้าย 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันพุธที่ 28 เมษายน 2021
เวลาแข่งขัน : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : ปาร์ก เดส์ แปรงส์


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลิกจากเป็นฝ่ายตามหลังกลับมาแซงเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 2-1 ด้วยประตูของ เควิน เดอ บรอยน์ และลูกฟรีคิกโดย ริยาด มาห์เรซ​ หลังจากถูก มาร์ควินญอส โหม่งพังประตูจากลูกเตะมุมตั้งแต่ครึ่งแรกของเกมที่ ปาร์ก เดส์ แปรงส์

มาร์ควินญอส โหม่งพังประตูจากลูกเตะมุมของ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นประตูให้ เปแอสเช ออกนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 15 ก่อนที่ลูกเปิดจากแนวลึกของ เควิน เดอ บรอยน์ จะโค้งเข้าเสาสองไปแบบโชคช่วยเป็นประตูตีเสมอใหักับ เรือใบสีฟ้า นาทีที่ 64

ลูกทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา มาได้ประตูชัยนาทีที่ 71 จากลูกฟรีคิกที่ ริยาด มาห์เรซ ซัดทะลุกำแพงก่อนผ่านมือ เคย์ลอร์ นาบาส ไปซุกที่ก้นตาข่าย

ให้หลังจากนั้นราว 6 นาที เจ้าถิ่นเหลือ 10 คนเมื่อ อิดริสซา กานา เกย์ เข้าหนักใส่ อิลคาย กุนโดกัน จนได้รับใบแดงไล่ออกจากสนามและจบเกมไปด้วยสกอร์ 2-1 กับชัยชนะของพลพรรค ซิตีเซนส์


คะแนนนักเตะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

Neymar Jr, Marquinhos
Paris Saint-Germain v Manchester City - UEFA Champions League Semi Final: Leg One / Xavier Laine/Getty Images

11 ผู้เล่นตัวจริง: นาบาส (5/10); ฟลอเรนซี (7/10), มาร์ควินญอส (8/10), คิมเป็มเบ้ (6/10), บัคเกอร์ (7/10); ดิ มาเรีย (7/10), กานา เกย์ (5/10), ปาเรเดส (6/10), แวร์รัตติ (8/10); เนย์มาร์ (7/10), เอ็มบัปเป้ (7/10)

ตัวสำรอง: ดานิโล (5/10), เอร์เรรา (N/A)


คีย์แมน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง - มาร์โก้ แวร์รัตติ

FBL-EUR-C1-PSG-MAN CITY
FBL-EUR-C1-PSG-MAN CITY / ANNE-CHRISTINE POUJOULAT/Getty Images

ห้องเครื่องทีมชาติ อิตาลี ปักหลักที่ฝั่งซ้ายของแผงกลาง ยืนเป็นปีกซ้ายในรูปแบบ 4-4-2 เมื่อทีมตกเป็นฝ่ายตั้งรับโดยพร้อมที่จะไล่บี้แนวรุกของ แมนฯ ซิตี้ เก็บกวาดก่อนบอลจะไปถึงแดนหลัง

เปแอสเช ขับเคลื่อนด้วย 4-3-3 เมื่อทีมเปิดเกมรุกโดยมี แวร์รัตติ เจ้าเก่าที่มักสอดเติมขึ้นไปประสานงานร่วมกับ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กับ เนย์มาร์ก ในพื้นที่อันตราย

ความครบเครื่องของมิดฟิลด์วัย 28 ปีทำให้ เปแอสเช กุมความได้เปรียบในทุกพื้นที่ของสนามโดยเฉพาะครึ่งแรกแต่บทบาทของเจ้าตัวก็ถูกลดทอนลงไปในครึ่งหลังเมื่อทีมเยือนขยับไลน์ขึ้นสูงเพื่อทวงประตูคืนโดยที่ โปเช็ตติโน ให้ทีมขันน็อตในแดนหลังรอสาดยาวข้ามแดนกลางให้ เอ็มบัปเป้ กับจังหวะสวนกลับ


ประเด็นหลังเกม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

Mauricio Pochettino
Paris Saint-Germain v Manchester City - UEFA Champions League Semi Final: Leg One / Alex Grimm/Getty Images

ลูกทีมของ โปเช็ตติโน แทบจะเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบในครึ่งแรกจากความมั่นใจของพวกเขาในการขับเคลื่อนทั้งเกมรับและเกมรุก

เคย์ลอร์ นาบาส เซ็ตบอลและออกมาตัดบอลที่หลุดมาอย่างมั่นใจ, ฟูลแบ็คทั้ง ฟลอเรนซี กับ บัคเกอร์ ปิดตายเกมรุกริมเส้นของทีมเยือนและสอดขึ้นไปมีส่วนร่วมกับเกมรุกได้บ่อยครั้ง, คู่เซ็นเตอร์แบ็ค มาร์ควินญอส กับ คิมเป็มเบ้ ไร้ที่ติแถมรายแรกยังโหม่งพังประตูเบิกร่องให้กับทีม, ปาเรเดส คุมพื้นที่กลางสนามร่วมกับ กานา เกย์ โดยมี แวร์รัตติ วิ่งพล่าน, ดิ มาเรีย โยกสร้างปัญหาซ้ายทีขวาที ร่วมกับการเคลื่อนที่อิสระของ เนย์มาร์ เพื่อปั้นเกมรุกและ เอ็มบัปเป้ ปักหลักเป็นตัวความหวังในการจบสกอร์

โซนรับในรูปแบบ 4-4-2 ของ เปแอสเช แข็งแกร่งจนทำให้แนวรุกของ ซิตี้ ไม่อาจสร้างโอกาสอย่างถนัดถนี่ในครึ่งแรกได้นักนอกจากจังหวะฉาบฉวย โซนดังกล่าวยังทำหน้าที่ได้ดีในครึ่งหลังพร้อมกับการสร้างจังหวะอันตรายจากการสวนกลับเร็วทว่าพวกเขาไม่อาจบวกสกอร์เพิ่มพื่อปิดเกมได้ และการตั้งรับอย่างต่อเนื่องก็พาให้ทำนบของพวกเขาพังพาบในที่สุดจากลูกครอสที่โชคเข้าข้างของ เดอ บรอยน์ และประตูจากลูกฟรีคิกของ มาห์เรซ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็เป็นการยากที่พวกเขาจะทวงโมเมนตัมกลับคืน


คะแนนนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

Phil Foden, Neymar
Paris Saint-Germain v Manchester City - UEFA Champions League Semi Final: Leg One / Alex Grimm/Getty Images

11 ผู้เล่นตัวจริง: เอแดร์ซอน (6/10); วอล์คเกอร์ (5/10), สโตนส์ (6/10), ดิอาส (6/10), คันเซโล (4/10); กุนโดกัน (5/10), โรดรี (6/10), แบร์นาโด้ (6/10); มาห์เรซ (7/10), เดอ บรอยน์ (7/10), โฟเด้น (7/10)

ตัวสำรอง: ซินเชนโก้ (6/10)


คีย์แมน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - เควิน เดอ บรอยน์

FBL-EUR-C1-PSG-MAN CITY
FBL-EUR-C1-PSG-MAN CITY / ANNE-CHRISTINE POUJOULAT/Getty Images

จอมทัพทีมชาติ เบลเยียม รับบทบาทฟอลส์ไนน์ในเกมนี้และกลายเป็นแข้งที่ แมนฯ ซิตี้ ดูจะมีความหวังในการได้ประตูมากที่สุดเมื่อบอลอยู่ในการครอบครองของ เคดีบี

แม้จะมีครึ่งแรกที่น่าอึดอัดสุดๆ กับครึ่งหลังที่เนื้อหาของเกมไม่ค่อยน่าพอใจนักแต่บอลจากเท้าของเจ้าตัวก็นำไปสู่การได้ประตูตีเสมอ จุดประกายให้กับลูกทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา กระทั่งทีมกลับมาเป็นฝ่ายพลิกคว้าชัยในที่สุดจากประตูของ มาห์เรซ


ประเด็นหลังเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้

Kevin De Bruyne, Ilkay Gundogan, Riyad Mahrez, Kyle Walker, John Stones, Rodrigo
Paris Saint-Germain v Manchester City - UEFA Champions League Semi Final: Leg One / Alex Grimm/Getty Images

แม้ แมนฯ ซิตี้ จะเป็นฝ่ายคว้าชัยในเกมนี้พร้อมกับตุนความได้เปรียบจาก 2 อเวย์โกลแต่ความเป็นไปของเกมไม่เป็นที่น่าพอใจนักเมื่อเทียบกับ เปแอสเช

4-2-4 ยามเปิดเกมรุกของ ซิตี้ มี โฟเด้น, เดอ บรอยน์, แบร์นาโด้ และ มาห์เรซ ลอยสูงไล่เรียงจากซ้ายไปขวา ขณะที่ กุนโดกัน กับ โรดรี ปักหลักหน้าแบ็คโฟร์ป้องกันเกมสวนกลับของเจ้าถิ่นดูจะตันๆ เมื่อพวกเขาไม่ได้มีการประสานงานที่ดีในแดนสุดท้าย

บอลของ ซิตี้ มักถูกถ่ายออกริมเส้นและไปตันที่ตรงนั้นเมื่อ เดอ บรอยน์ กับ แบร์นาโด้ ถูกจับตาย การไม่มีแดนกลางสอดประสานขึ้นมาทลายโซนแนวรับของ เปแอสเช โดย วอล์คเกอร์ ปักหลักที่แดนหลังขณะที่ คันเซโล ฟอร์มหลุดแบบที่กลายเป็นคนละคน ทำให้เกมรุกของพวกเขาไม่อาจสร้างจังวะจบสกอร์อย่างถนัดได้อย่างท่ีเคยเป็นกระทั่งทีมเอาตัวรอดได้จากจังหวะฉาบฉวยอันนำมาสู่การได้ 2 ประตูพลิกสถานการณ์สำเร็จ


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด