10 อันดับแข้งตัวเต็ง บัลลงดอร์ 2024 หลังจบทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลระดับทวีป - RANKED
- ลีโอเนล เมสซี่ ยังคงติดโผลุ้นรางวัล บัลลงดอร์ เป็นสมัยที่ 9
- มีผู้เล่น เรอัล มาดริด ถึง 5 คนที่เป็นตัวเต็งคว้า บัลลงดอร์ ในปีนี้
- โรดรี้ ก้าวขึ้นมาเป็นเต็งหนึ่งหลังพาทีมชาติ สเปน คว้าแชมป์ ยูโร 2024 สำเร็จ
ทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลระดับทวีปสุดระทึกทั้ง ยูโร 2024 และ โคปา อเมริกา 2024 จบไปเป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่าหลายคนน่าจะพอเห็นภาพชัดขึ้นว่าดาวเตะคนไหนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงรางวัล บัลลงดอร์ ในปีนี้ได้บ้าง โดยขณะที่เจ้าพ่อ ลูกบอลทองคำ 8 สมัยอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ ยังอยู่ในโพยรายชื่อที่ประมาทไม่ได้ นักเตะอีกหลายคนก็พร้อมขึ้นมาแย่งชิงตำแหน่งจ้าวนักฟุตบอลด้วยผลงานระดับดีกรีแชมป์กันทั้งสิ้น
วันนี้ 90MIN จึงอยากพาทุกท่านไปชม 10 อันดับแข้งตัวเต็งบัลลงดอร์ 2024 ว่าจะมีใครกันบ้าง และแต่ละคน ผลงานในปีนี้จัดจ้านขนาดไหน
10. ฟิล โฟเด้น (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / อังกฤษ)
ผลงาน : 28 ประตู กับ 12 แอสซิสต์
คว้าแชมป์ : พรีเมียร์ลีก, สโมสรโลก, ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ
อาการบาดเจ็บของ เควิน เดอ บรอยน์ และ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ทำให้ โฟเด้น ต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซีซันล่าสุด ซึ่งเขาก็ทำได้ดีเกินความคาดหมาย ด้วยการสลับบทบาทเป็นทั้งเพลย์เมกเกอร์และตัวจบสกอร์ได้อย่างไหลลื่น รวมถึงสองแฮตทริกใน พรีเมียร์ลีก ซีซันนี้ก็ดีพอจะทำให้ โฟเด้น คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีก อังกฤษ ไปครองได้สำเร็จ
แต่ผลงานใน ยูโร 2024 ของ โฟเด้น กลับไม่ไฉไลเท่าไรนัก เมื่อเจ้าตัวถูกจับไปเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกชนกับ จู๊ด เบลลิ่งแฮม จนไม่ได้มีอิสระในการเล่นเท่าตอนที่เขาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ถึงอย่างนั้น โฟเด้น ก็ยังช่วยให้ทีมชาติ อังกฤษ หลุดเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้
9. ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น / เยอรมัน)
ผลงาน : 21 ประตู กับ 21 แอสซิสต์
คว้าแชมป์ : บุนเดสลีกา (ไร้พ่าย), เดเอฟเบ โพคาล
เอาจริง ๆ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ขึ้นชื่อเรื่องฝีเท้าอันร้ายกาจมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่เขาเพิ่งจะมาโด่งดังอยู่ในกระแสหลักเมื่อฤดูกาลล่าสุดเพราะสามารถพาทีม ห้างยา คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา แบบไร้พ่ายได้ โดยเขาเป็นคีย์แมนคนสำคัญของ ชาบี อลอนโซ่ ซึ่งพาทีมไม่แพ้ใครในประเทศติดต่อกันกว่า 52 เกม
เสริมบารมีด้วยผลงานในฟุตบอล ยูโร 2024 ซึ่ง เวิร์ตซ์ ยิงได้ในทั้งนัดเปิดสนามและนัดสุดท้ายของ เยอรมัน ที่แพ้ สเปน 1-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ การันตีคุณภาพในวัยเพียง 21 ปี ซึ่งถ้าปีนี้ไม่ได้ บัลลงดอร์ ปีหน้าก็เข้าใกล้ขึ้นอย่างแน่นอน
8. คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง / ฝรั่งเศส)
ผลงาน : 52 ประตู กับ 21 แอสซิสต์
คว้าแชมป์ : ลีกเอิง, คุปป์ เดอ ฟรองซ์
ตัวเต็งรางวัล บัลลงดอร์ หลังหมดยุคของ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งในปีนี้เขาจะได้ลุ้นรางวัลดังกล่าวในสีเสื้อ เปแอชเช เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนในปีหน้าจะย้ายไปไล่ล่าความสำเร็จอย่างเต็มตัวที่ เรอัล มาดริด ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงก็คงแย่ง บัลลงดอร์ กับเพื่อนร่วมทีมของตัวเองนั่นแหละ
ในปีนี้ เอ็มบัปเป้ พา ปารีสฯ คว้าแชมป์ ลีกเอิง เป็นสมัยที่สามติดต่อกัน ตามด้วยแชมป์บอลถ้วยภายในประเทศอีกหนึ่งรายการ ส่วนในผลงานระดับทีมชาติ เอ็มบัปเป้ โชคร้ายประสบอุบัติเหตุจนจมูกหักทำให้ต้องใส่หน้ากากป้องกันลงเล่น ซึ่งมีส่วนให้ฟอร์มการเล่นของเขาและทีมชาติ ฝรั่งเศส ตกลงอย่างน่าใจหาย
7. ลีโอเนล เมสซี่ (อินเตอร์ ไมอามี่ / อาร์เจนติน่า)
ผลงาน : 28 ประตู กับ 17 แอสซิสต์
คว้าแชมป์ : โคปา อเมริกา 2024, ลีก คัพ
หลังคว้ารางวัล บัลลงดอร์ สมัยที่ 8 ภายใต้สีเสื้อชมพูของ อินเตอร์ ไมอามี่ เมสซี่กลายเป็นผู้เล่นนอกลีก ยุโรป คนแรกที่คว้ารางวัลดังกล่าวได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่าปีที่แล้ว เมสซี่ ได้ บัลลงดอร์ เพราะผลงานที่คาบเกี่ยวกับสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับ เปแอชเช รวมถึงการคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2022 ก็มีส่วนสำคัญช่วยให้เครดิตของเขาเพิ่มขึ้นด้วย
ในปีนี้ เมสซี่ อาจเจอความยากลำบากมากขึ้นเมื่อเขาต้องลุ้น บัลลงดอร์ ในฐานะผู้เล่นใน เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ อย่างเต็มตัว สิ่งที่พอจะช่วยเรียกคะแนนให้เขาได้บ้างก็คือการคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา 2024 กับทีมชาติ อาร์เจนติน่า ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้โดดเด่นสักเท่าไรในทัวร์นาเม้นต์ล่าสุด แถมเจอปัญหาอาการบาดเจ็บจนเล่นได้ไม่ต่อเนื่อง ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแนวโน้มว่าบรรดาผู้มีสิทธิ์โหวตจะยังลงคะแนนเสียงให้เขาไม่มากก็น้อย
6. โทนี่ โครส (เรอัล มาดริด / เยอรมัน)
ผลงาน : 1 ประตู กับ 12 แอสซิสต์
คว้าแชมป์ : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ลาลีกา, ซูเปร์โกปา เด เอสปันญา
พ่อมดลูกหนังของ เรอัล มาดริด อย่าง โทนี่ โครส อาจได้ลุ้นรางวัล บัลลงดอร์ ส่งท้ายอาชีพการค้าแข้งของตนเอง โดยตลอดทั้งซีซันที่ผ่านมา โครส เป็นหัวใจในแดนกลางให้ทีม ราชันชุดขาว เถลิงบรรลังค์แชมป์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มโดดเด่นในเกมเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ตบท้ายด้วยการแอสซิสต์ให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในนัดชิงชนะเลิศ
โครส ยังตบเท้าเข้าไปเล่นใน ยูโร 2024 ในฐานะตัวเก๋าประจำทีมเจ้าบ้าน ซึ่งต้องบอกว่าเขาคนเดียวเอาแดนกลางทีม อินทรีเหล็ก อยู่หมัด น่าเสียดายที่ เยอรมัน ถูกเฉือนชนะไปด้วยพลังหนุ่งของ สเปน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็นอันปิดฉากอาชีพนักฟุตบอลของ โครส ไปโดยปริยาย
5. ลามีน ยามาล (บาร์เซโลน่า / สเปน)
ผลงาน : 10 ประตู กับ 18 แอสซิสต์
คว้าแชมป์ : ยูโร 2024
ลามีน ยามาล กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงทะลุปรอทของโลกฟุตบอลในขณะนี้ ซึ่งแม้ต้นสังกัดอย่าง บาร์เซโลน่า จะชวดแชมป์และมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา แต่การค้นพบ ยามาล ก็ทำให้ความช้ำใจของแฟนบอลทีม ต่างดาว บรรเทาลงได้เยอะ
ในวัยเพียง 16 ปี ยามาล เดินหน้าทุบสถิติครั้งแล้วครั้งเล่าในฐานะผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด และยังมีดีกรีหนุนหลังเป็นแชมป์ ยูโร 2024 ซึ่งต้องบอกว่า ยามาล คือส่วนสำคัญของทีมชาติ สเปน ชุดนี้เลย การันตีด้วยรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2024 และถ้าใครยังไม่เชื่อให้ย้อนกลับไปดูไฮไลท์ประตูของเขานัดเจอทีมชาติ ฝรั่งเศส รอบรองชนะเลิศ แล้วคุณจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "โอ้ มาย ก็อด !"
4. ดานี่ การ์บาฆาล (เรอัล มาดริด / สเปน)
ผลงาน : 7 ประตู กับ 8 แอสซิสต์ และ 21 คลีนชีต
คว้าแชมป์ : ยูโร 2024, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ลาลีกา, ซูเปร์โกปา เด เอสปันญา
น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นชื่อกองหลังขึ้นมาอยู่บนโผลุ้น บัลลงดอร์ แต่ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีของ ดานี่ การ์บาฆาล อย่างแท้จริง ซึ่งนอกจากจะก้าวขึ้นมาในช่วงเวลาสำคัญเพื่อช่วยให้ เรอัล มาดริด พลิกเกมได้ในหลาย ๆ ครั้ง การ์บาฆาล ยังเป็นผู้เล่นที่เบิกสกอร์แรกในนัดชิงฯ แชมเปี้ยนส์ลีก จนทีม ราชันชุดขาว คว้าแชมป์สมัยที่ 15 ได้สำเร็จ
เท่านั้นไม่พอ การ์บาฆาล ยังพกฟอร์มเก่งขึ้นเครื่องบินมาด้วยใน ยูโร 2024 จนเป็นกำลังสำคัญพาทัพ กระทิงดุ คว้าแชมป์ได้อีกหนึ่งรายการ ซึ่งถ้าหากมองแค่เรื่องถ้วยรางวัลเพียงอย่างเดียว การ์บาฆาล ควรจะขึ้นไปเป็นเต็งหนึ่งหรือสองเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งเดียวที่เป็นอุปสรรคใหญ่ของดาวเตะรายนี้คือ ตำแหน่งกองหลัง นั่นเอง
3. จู๊ด เบลลิ่งแฮม (เรอัล มาดริด / อังกฤษ)
ผลงาน : 27 ประตู กับ 17 แอสซิสต์
คว้าแชมป์ : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ลาลีกา, ซูเปร์โกปา เด เอสปันญา
จู๊ด เบลลิ่งแฮม โชว์ความ "เวิร์ลคลาส" ได้ตั้งแต่ซีซันแรกที่ย้ายมาเล่นใน ลาลีกา สเปน ซึ่งไม่เพียงแต่มีความสามารถรอบด้านทั้งเกมรุกและรับ แต่ เบลลิ่งแฮม ยังมักจะร่ายมนต์วิเศษในช่วงเวลาคับขัน สอดขึ้นมาทำประตูให้ทีมพลิกสถานการณ์ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ใน ยูโร 2024 เบลลิ่งแฮม ยังรักษาฟอร์มได้ตามมาตรฐาน สองประตูของเขามีส่วนสำคัญพาทีมชาติ อังกฤษ ทะลุเข้าไปเล่นได้ถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยเฉพาะลูกจักรยานอากาศใส่ สโลวาเกีย ในนาทีสุดท้ายซึ่งมีค่ามหาศาล แต่น่าเสียดายที่ดันไปพลาดท่าให้ สเปน ในตอนท้าย ไม่อย่างนั้น จู๊ด เบลลิ่งแฮม คงเตรียมตัดชุดรอขึ้นรับรางวัล บัลลงดอร์ ได้เลย
2. วินิซิอุส จูเนียร์ (เรอัล มาดริด / บราซิล)
ผลงาน : 26 ประตู กับ 12 แอสซิสต์
คว้าแชมป์ : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ลาลีกา, ซูเปร์โกปา เด เอสปันญา
แม้อาการบาดเจ็บที่คอยรบกวนช่วงต้นฤดูกาลจะทำให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ลงเล่นได้ไม่ต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงคราวที่นักเตะเลือด แซมบ้า ผู้นี้สลัดอาการบาดเจ็บทิ้งได้สำเร็จ เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวรุกที่อันตรายที่สุดในโลกได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผลงานที่โดดเด่นของเขาในซีซันล่าสุด คือการทำแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญา ใส่คู่ปรับอย่าง บาร์เซโลน่า แถมด้วยประตูในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นหลักประกันอีกหนึ่งชั้น และยังมีอีกหลายนัดที่เขาปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งจนล้มระเนระนาด
น่าเสียดายที่เขาไม่อาจพาทีมชาติ บราซิล คว้าแชมป์ใน โคปา อเมริกา 2024 ได้เนื่องจากโดนแบนในเกมรอบตัดเชื่อก จนทำได้แต่นั่งมองเพื่อนดวลจุดโทษแพ้ อุรุกวัย ซึ่งหลายคนก็บอกว่าถ้า วินิซิอุส อยู่ในสนามวันนั้น บราซิล น่าจะเข้ารอบไปได้ลึกกว่านี้
1. โรดรี้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / สเปน)
ผลงาน : 12 ประตู กับ 15 แอสซิสต์
คว้าแชมป์ : ยูโร 2024, พรีเมียร์ลีก, สโมสรโลก, ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ
เป็นระยะเวลาปีกว่า ๆ ที่ โรดรี้ ไม่ได้สัมผัสความพ่ายแพ้ในเกมฟุตบอล 90 นาที ก่อนจะมาโดน แมนฯ ยูไนเต็ด หยุดสถิติไว้ได้ในเกมรอบชิงฯ เอฟเอ คัพ ปีล่าสุด ถึงอย่างนั้นก็ยังแสดงให้เห็นว่าเมื่อใดก็ตามที่ โรดรี้ อยู่ในสนาม โอกาสที่ทีมจะประสบความพ่ายแพ้มีน้อยมากเหลือเกิน
โรดรี้ ถูกยกย่องให้เป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้ ด้วยความสามารถในการอ่านเกมได้อย่างเฉียบขาด, เข้าปะทะได้อย่างดุดัน, และยังทำเกมได้ไม่เป็นสองรองใคร ทำให้ โรดรี้ มีความครบเครื่องเพรียบพร้อมไปซะทุกอย่าง รวมถึงยังสามารถเติมขึ้นมาใช้พลังขาหวดทำประตูในช่วงเวลาสำคัญได้ด้วย
จึงไม่น่าแปลกใจที่ดาวเตะรายนี้จะคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2024 ไปครองได้สำเร็จ เพราะเจ้าตัวคุมแดนกลางเสร็จสรรพจนทัพ กระทิงดุ ชนะรวด 7 เกมตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดสุดท้าย (โรดรี้ ลง 6 เกม) แบบนี้รางวัล ลูกบอลทองคำ คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมซะแล้ว