จัดอันดับทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก - RANKED
- แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล กลายเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดใน จากผลงานอันยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมา
- ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และ อินเตอร์ มิลาน เองก็เป็นเจ้าบัลลังค์ในลีกสูงสุดของประเทศตนเอง
- ในฟุตบอล ยุโรป ทั้ง เรอัล มาดริด และ ลิเวอร์พูล ต่างประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงหลายปีหลัง
แน่นอนว่าทีมฟุตบอลทุกทีมย่อมต้องการจะถูกจดจำว่าเป็นทีมชั้นนำที่ดีที่สุดทีมหนึ่งของโลก แต่คำว่า "ดีที่สุด" ของแต่ละคนอาจมีความหมายที่แตกต่างกันไป จึงต้องมีตัวชี้วัดบางอย่างมาใช้ในการตัดสิน หลัก ๆ เลยก็คือ จำนวนถ้วยแชมป์, จำนวนแฟนบอลทั่วโลก, และ ศักยภาพของนักเตะในทีม สิ่งเหล่านี้มักจะเป็นตัวบ่งชี้ที่ผู้คนหยิบยกมาใช้เป็นเกณฑ์ถกเถียงกันว่าสโมสรใดอยู่บนจุดสูงสุด
ในฤดูกาล 2023/24 มีหลายทีมที่โดดเด่นขึ้นมาและมีหลายทีมที่ผลงานดร็อปลงไปตามวัฎจักรของฟุตบอล บางทีมยังคงแกร่งทั่วแผ่นเสมอต้นเสมอปลาย บางทีมมาตรฐานตกลงไปจากปัญหามากมายที่รุมล้อม นอกจากนี้ยังมีหลาย ๆ ทีมที่ทำผลงานพุ่งทะยานขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดใจ วันนี้เราจึงอยากพาทุกท่านไปชม 26 ทีมที่ดีที่สุดโลกจากการจัดอันดับของ 90MIN ว่าจะมีทีมไหนกันบ้าง แล้วทีมที่คุณรักจะติดอยู่ในการจัดอันดับนี้หรือไม่
26. แบรสต์
ฤดูกาล 2023/24 ถือเป็นฤดูกาลที่น่าจดจำมากที่สุดของ แบรสต์ เลยทีเดียว เพราะหลังจากทีมม้ามืดทีมนี้กลับขึ้นมาอยู่บนลีกสูงสุด ฝรั่งเศส ในปี 2019 พวกเขามีพัฒนาการก้าวกระโดดขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยในฤดูกาล 2021/22 พวกเขาจบในอันดับ 11 ของตารางคะแนนได้ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ซีซัน 1990/91 หลังจากนั้นในฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้งด้วยการจบในอันดับ 3 ของ ลีกเอิง ฝรั่งเศส คว้าโควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกได้สำเร็จ
25. โอลิมเปียกอส
แม้จะพลาดท่าชวดแชมป์ใน กรีซ ซูเปอร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ โอลิมเปียกอส กลับเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก ซึ่งถือเป็นแชมป์ยุโรปสมัยแรกและสมัยเดียวของวงการลูกหนัง กรีซ ในขณะนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการช็อคโลก เพราะในวันที่พวกเขาเข้าชิง น้อยคนใครคิดว่าคู่แข่งอย่าง ฟิออเรนติน่า ซึ่งมีประสบการณ์ในถ้วยยุโรปมากกว่าจะแพ้ให้กับพวกเขา ซึ่งยอดทีมจาก กรีซ ก็เอาชนะไปได้ด้วยประตูโทนของ อะยุบ อัล คาบิ ในช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง
24. เชลซี
ตั้งแต่กลุ่มเจ้าของใหม่นำโดย ท็อดด์ โบห์ลี เข้ามาเทคโอเวอร์ทีม พลพรรค สิงโตน้ำเงินคราม ยังไม่พบเจอความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักหนเดียว อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายซีซันที่ผ่านมา พวกเขาเร่งเครื่องโชว์ฟอร์มดีจนทะยานขึ้นมาจบอันดับ 6 ของตารางคะแนน แสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็มีศักยภาพจะไปต่อได้ในอนาคต รวมถึงในแมตช์เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหล่าผู้เล่นของ เชลซี ก็โชว์สปิริตสู้ไม่ถอยจนคว้าแต้มมาได้สำเร็จ สิ่งเหล่านี้ทำให้ เชลซี เป็นทีมที่ประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาดแม้จะยังมีอีกหลายจุดที่พวกเขาต้องปรับแก้ก็ตาม
23. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในซีซันที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ยังไม่สามารถโชว์ความคงเส้นคงวาให้แฟน ปีศาจแดง สบายใจได้สักเท่าไร รวมถึงอาการบาดเจ็บที่ลักพาตัวผู้เล่นไปหลายราย ทำให้พลพรรค ปีศาจแดง มีแต่ความระทมทุกข์ไม่เว้นแต่ละสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เอริค เทน ฮาก สามารถปลุกใจลูกทีมให้กลับมาวิ่งสู้ฟัดจนเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ทำให้อย่างน้อยฤดูกาลอันโชคร้ายของทีม ปีศาจแดง ก็ยังมีถ้วยติดไม้ติดมือไปบ้าง และยังส่งให้พวกเขาได้ไปเล่น ยูโรป้า ลีก ในซีซันหน้าอีกด้วย
22. แอร์เบ ไลป์ซิก
ซีซัน 2023/24 ถือว่าไม่ดีและไม่แย่จนเกินไปนักสำหรับ แอร์เบ ไลป์ซิก เพราะถึงแม้พวกเขาจะกระเด็นตกรอบ 16 ทีมของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ใน บุนเดสลีกา พวกเขายังคงรักษามาตรฐานในการจบท็อปโฟร์เอาไว้ได้ รวมถึงความสำเร็จอันใหญ่หลวงในฤดูกาลนี้คือการปั้นดาวรุ่งขึ้นมาช่วยทีมในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น ชาบี้ ซิมอนส์, เบนจามิน เซสโก้, หลุยส์ โอเปนด้า, คาสเตลโล่ ลูเกบ้า, โมฮาเหม็ด ซิมากาน ก็ล้วนแต่เป็นดาวรุ่งเพชรเม็ดงามที่ ไลป์ซิก เจียระไนขึ้นมาได้สำเร็จ น่าเสียดายที่รายแรกสุดเจ้าของสัญญาคือ ปารีส แซ็ง-แฌร์แม็ง ใน ฝรั่งเศส
21. โบโลญญ่า
โบโลญญ่า เป็นอีกหนึ่งทีมที่ประสบความสำเร็จในฤดูกาล 2023/24 หลัง ติอาโก้ ม็อตต้า เข้ามาผลิกโฉมทีมจากหน้ามือเป็นหลังมือ รวมถึงการปั้น โจชัว ซีร์กเซ่ ให้กลายเป็นดาวยิงจอมถล่มตาข่ายจนทีมใหญ่อยากได้ตัวไปร่วมทัพกันถ้วนหน้า ม็อตต้า ยังพา โบโลญญ่า จบในอันดับ 5 ของตารางคะแนน ทำให้พวกเขาได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เคยเล่นใน ยูโรเปี้ยน คัพ เมื่อฤดูกาล 1964/65 แต่สิ่งที่หน้าเป็นห่วงคือในซีซันที่กำลังจะถึง ติอาโก้ ม็อตต้า ตัดสินใจอำลาทีมไปคุม ยูเวนตุส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
20. ยูเวนตุส
เป็น 4 ฤดูกาลติดต่อกันที่ ยูเวนตุส ไม่ได้สัมผัสคำว่าแชมป์ สคูเด็ตโต้ เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในปีนี้พลพรรคทีม ม้าลาย เบียดเอาชนะ อตาลันต้า คว้าแชมป์ โคปา อิตาเลีย ไปได้สำเร็จ ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่วัน มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี กุนซือทีม ม้าลาย ก็ถูกสั่งปลดแบบฟ้าผ่าหลังแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในเกมดังกล่าว ทำให้ ยูเวนตุส ในปีหน้าจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเป็นทางการภายใต้การคุมทีมของ ติอาโก้ ม็อตต้า ที่มีผลงานยอดเยี่ยมกับ โบโลญญ่า ในปีที่ผ่านมา
19. แอตเลติโก มาดริด
แอตเลติโก มาดริด ในฤดูกาล 2023/24 ก็ยังถือว่ารักษามาตรฐานได้เช่นเคย ไม่ได้ดีหรือแย่ไปมากกว่าเดิมนัก พวกเขาจบในอันดับที่ 4 ของตารางคะแนน ร่วงลงมาจากปีก่อน 1 อันดับ อย่างไรก็ตามพวกเขาสามารถเอาชนะทีมเจ้ายุโรปอย่าง เรอัล มาดริด ไปได้ถึงสองหนในซีซันที่ผ่านมา แม้จะไปพลาดท่าตกม้าตายเองในเกม โกปา เดล เรย์ ที่โดน แอธเลติก บิลเบา ยิงไปกลับรวมกันถึง 4 ลูก
18. นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
น่าเสียดายที่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในปีนี้ระเปิดฟอร์มไม่ออกได้เท่ากับปีที่แล้ว โดยสาเหตุหลักคืออาการบาดเจ็บที่ทั้งตัวรุกและตัวรับต่างทยอยกันเข้าโรงพยาบาลยาว รวมถึงการโดนแบนของ ซานโดร โตนาลี ที่ซื้อมาหวังให้กลายมาเป็นหัวใจหลักของทีมในตอนแรก อีกทั้งใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทีม สาลิกาดง ยังถูกจับไปอยู่ใน กรุ๊ป ออฟ เดธ ร่วมกับ ดอร์ทมุนด์, เอซี มิลาน, และ เปแอชเช ทำให้ฤดูกาลนี้ของพวกเขาเริ่มต้นและจบลงได้อย่างไม่สวยงามเท่าไรนัก
17. อาแอ็ส โมนาโก
ต้องยอมรับกันตามตรงว่าใน ลีกเอิง ฝรั่งเศส หาทีมขึ้นไปแย่งแชมป์เจ้าถิ่นอย่าง ปารีส แซ็ง-แฌร์แม็ง ยากมาก ซึ่ง อาแอ็ส โมนาโก ก็ทำดีที่สุดแล้วด้วยการจบในตำแหน่งรองแชมป์ ถือเป็นอันดับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2017/18 เลยทีเดียว น่าสนใจว่าในฤดูกาลหน้าทีมของ อาดี ฮุตเตอร์ จะเสริมทัพเอาใครเข้ามาขับเคี่ยวกับ เปแอชเช ที่เพิ่งเสีย คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ไปหมาด ๆ
16. สตุ๊ตการ์ท
แม้จะไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนัก แต่ สตุ๊ตการ์ท ในปีล่าสุดจบในตำแหน่งรองแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน เหนือแชมป์เก่าอย่าง บาเยิร์น มิวนิค อยู่ 1 แต้ม ทำให้เราจะได้เห็นทีม ม้าขาว ไปโลดแล่นอยู่ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างแน่นอนในซีซัน 2024/25 โดยต้องยกเครดิตให้สี่ดาวเตะหน้าใหม่ที่เข้ามายกระดับการเล่นให้ดุดันขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น แซร์อู กีราสซี่ ที่ตะบันคนเดียวไปถึง 30 ลูก หรือ เดนิซ อุนดาฟ, อังเจโล่ สติลเลอร์, และ มักซิมิเลี่ยน มิทเทิลชเตดท์ ที่ย้ายมาเล่นได้คุ้มค่าตัวกันทุกบาททุกสตางค์
15. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ภายใต้การคุมทีมของนายใหญ่จอมเนี๊ยบอย่าง อันจ์ ปอสเตโคกลู พาทีมออกสตาร์ทได้อย่างร้อนแรงด้วยการไม่แพ้ใครเลยใน พรีเมียร์ลีก ติดต่อกัน 10 นัดแรก น่าเสียดายที่พลพรรค ไก่เดือยทอง ดันมาแผ่วปลายและท้ายฤดูกาลจนทำให้หลุดโควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าอย่างฉิวเฉียด อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากสถานการณ์ของทีมที่เสียดาวยิงคนเก่งอย่าง แฮร์รี่ เคน ไปในช่วงซัมเมอร์ ท็อตแน่ม ถือว่าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว
14. อตาลันต้า
แม้ใน กัลโช่ เซเรีย อา อตาลันต้า จะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะจุดเครื่องติด แต่ในบอลถ้วย ยูโรป้า ลีก ลูกทีมของ จาน ปิเอโร่ กัสเปรินี่ โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าเกรงขามเป็นที่สุด พวกเขาเริ่มต้นด้วยการน็อค ลิเวอร์พูล ออกจากเส้นทางการลุ้นแชมป์ถ้วยนี้แบบช็อคโลก รวมไปถึงรอบในชิงชนะเลิศที่พวกเขาเล่นได้เนียนตาเอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไปได้ขาดลอย 3-0 จากการทำแฮตทริกของ อเดโมล่า ลุคแมน หยุดสถิติไร้พ่ายทั้งฤดูกาลของทีม ห้างยา ไปได้แถมคว้าถ้วยแชมป์ไปนอนกอดได้อีก
13. เอซี มิลาน
เอซี มิลาน ประกาศแยกทางกับกุนซืออย่าง สเตฟาโน ปิโอลี ผู้คุมทีมมาเป็นเวลากว่า 5 ปี แล้วไปเซ็นสัญญากับ เปาลู ฟอนเซกา เข้ามารับหน้าที่กุมบังเหียนแทน โดยในซีซัน 2023/24 ผลงานของทีม ปีศาจแดงดำ ถือว่าไม่แย่ แต่อาจจะขาดความคงเส้นคงวาไปบ้างเมื่อเทียบกับคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง อินเตอร์ มิลาน ข้อดีคือทีมที่ ปิโอลี สร้างไว้ในปีสุดท้ายดีพอจะต่อยอดไปได้ในฤดูกาลหน้าได้ ทั้งการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในเกมรุกของ ราฟาเอล เลเอา หรือแม้กระทั่งการที่สองแข้งจาก เชลซี อย่าง คริสเตียน พูลิซิส และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค พากันกลับมาฟอร์มดีอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้นับเป็นมรดกอันล้ำค่าที่ ปิโอลี ทิ้งไว้ให้
12. คิโรน่า
แม้จะจบลงอย่างไร้ถ้วยแชมป์ในซีซัน 2023/24 แต่ คิโรน่า ก้าวขึ้นมาเขย่าวงการฟุตบอล สเปน ให้สะเทือนอยู่ไม่น้อย เพราะพวกเขาเปิดหัวมาด้วยการแพ้เพียงเกมเดียวตลอด 21 นัดแรกของฤดูกาล รวมถึงมีช่วงที่ชนะติดกันถึง 6 นัดรวดอีกด้วย จนพวกเขาสลับขึ้นไปรั้งจ่าฝูงได้หลายครั้งหลายหน น่าเสียดายที่ในช่วงครึ่งหลังซีซัน คิโรน่า ฟอร์มแกว่งไปแกว่งมาจนไปลงเอยจบที่อันดับ 3 ส่วนนักเตะอย่าง อาร์เต็ม โดฟบิค ก็คว้ารางวัลดาวซัลโวไปได้ด้วยการถล่มตาข่ายไปถึง 24 ประตู
11. แอสตัน วิลล่า
การแต่งตั้ง อูไน เอเมรี่ เข้ามาคุมทีม สิงห์ผยอง นับเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้ เพราะกุนซือวัย 52 ปีเข้ามาพลิกโฉม แอสตัน วิลล่า จากทีมกลางตารางให้ขึ้นมาต่อกรกับเหล่าบรรดาทีมใหญ่ได้อย่างสูสี รวมทั้งการปลดปล่อยร่างโหดของ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ออกมาได้สำเร็จก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ แอสตัน วิลล่า จบในตำแหน่งท็อปโฟร์ของ พรีเมียร์ลีก ได้ในรอบหลายสิบปี
10. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ทีม เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ฟอร์มผีเข้าผีออกมากในการลงเล่น บุนเดสลีกา ซีซันนี้ พวกเขาบุกไปเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ได้ถึงถิ่น 2-0 แต่กลับมาแพ้ในบ้านให้ สตุ๊ตการ์ด ในสัปดาห์ถัดมา ส่วนทางด้านบอล ยุโรป พวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างเหนือความคาดหมายด้วยการจบเป็นจ่าฝูงใน กรุ๊ป ออฟ เดธ เหนือ ปารีส แซ็ง-แฌร์แม็ง, เอซี มิลาน, และ นิวคาสเซิล ในรอบแบ่งกลุ่มตลอดจนฝ่าฝันทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศกับ เรอัล มาดริด แม้สุดท้ายจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นซีซันส่งท้ายตำนานอย่าง มาร์โก รอยส์ ที่มีครบทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตา
9. บาร์เซโลน่า
บาร์เซโลน่า ภายใต้การนำทัพของ ชาบี เอร์นานเดซ ป้องกันแชมป์ไม่สำเร็จหลังผลงานตามหลัง เรอัล มาดริด อย่างชัดเจนในซีซันนี้ อย่างไรก็ตามข้อดีคือการค้นพบเพชรเม็ดงามอย่าง ลามีน ยามัล ที่น่าจะยืนระยะช่วยทีมไปได้อีกนาน ยังไม่นับรวมสตาร์ดาวรุ่งอีกมากหน้าหลายตาที่ล้วนแล้วฝีเท้าแพรวพราวใช้ได้ ดังนั้นในซีซันหน้าภายใต้การคุมทีมของ ฮันซี่ ฟลิก พลพรรค อาซูลกราน่า น่าจะกลับมาเป็นทีมที่น่าเกรงขามได้อีกครั้ง สิ่งเดียวที่ต้องทำคือการเคลียร์ปัญหาภายในสโมสรให้จบเสียที
8. บาเยิร์น มิวนิค
แม้ได้ตัวดาวยิงพระกาฬอย่าง แฮร์รี่ เคน ไปร่วมทัพ แต่ บาเยิร์น มิวนิค กลับพลาดท่าเสียแชมป์ลีกให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น หลังจองสัมปทานมายาวนานหลายปี ซึ่งจะไปโทษ แฮร์รี่ เคน ก็ไม่ได้เพราะดาวเตะรายนี้กดไปคนเดียวถึง 44 ลูกในทุกรายการ ส่วนหนึ่งก็ต้องให้เครดิตทีม ห้างยา ที่เล่นได้อย่างเฉียบขาดด้วย ในฤดูกาลหน้า "พี่เสือ" จะอยู่ภายใต้การคุมทัพของกุนซือหน้าใหม่อย่าง แว็งซองต์ กอมปานี และด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อย ทำให้เขายังอยู่ภายใต้เครื่องหมายคำถามว่าจะพาทีมบินสูงได้ขนาดไหน
7. ปารีส แซ็ง-แฌร์แม็ง
ปารีส แซ็ง-แฌร์แม็ง ถือเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของ ลีกเอิง ฝรั่งเศส มาโดยตลอด ด้วยทุนทรัพย์ของเจ้าของสโมสรที่พร้อมจ่ายได้ไม่อั้น ประกอบกับการมีสตาร์ดังอย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นตัวรุกคนสำคัญ ทำให้ เปแอชเช ไร้เทียมทานอย่างแท้จริงในลีกบ้านเกิด สิ่งที่น่ากังวลคือในปีหน้าดาวเตะชาวฝรั่งเศสรายนี้จะไม่อยู่กับทีมแล้ว ดังนั้นกุนซืออย่าง หลุยส์ เอ็นริเก้ จึงมีการบ้านที่ต้องคิดให้ออกโดยด่วนว่าจะซื้อใครเข้ามาแทนตำแหน่งที่ขาดหายไป หรือ แบรดลี่ย์ บาร์โคล่า และ วอร์เรน ซาอีร์-เอเมรี กล้าแกร่งพอจะช่วยกันแบกทีมไหวหรือไม่
6. ลิเวอร์พูล
ตั้งแต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จรดปากกาเซ็นสัญญาเข้ามารับตำแหน่งกุนซือ ลิเวอร์พูล ค่อย ๆ เปลี่ยนตัวเองจนกลายมาเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไม่มีทีมไหนในโลกอยากจะเผชิญหน้า ด้วยสไตล์การเล่นแบบ "เฮฟวี่ เมทัล ฟุตบอล" ทำให้นายใหญ่ชาว เยอรมัน คว้าใจแฟนบอล หงส์แดง ไปได้ตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่เข้ามากุมบังเหียน ถึงแม้ในซีซันสุดท้ายจะมีฟอร์มหลุดกันไปบ้างในช่วงท้าย แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังมีถ้วย คาราบาว คัพ ติดไม้ติดมือไปก่อนจบซีซัน ต้องมาดูกันว่าทีม หงส์แดง ยุคใหม่ภายใต้การคุมงานของ อาร์เน่ สล็อต จะออกมาในรูปแบบไหน
5. อินเตอร์ มิลาน
น่าเสียดายที่ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทีม งูใหญ่ พลาดท่าโดน แอตเลติโก้ มาดริด เขี่ยตกรอบในการดวลเป้ารอบ 16 ทีม ไม่เหมือนกับในซีซันก่อนหน้าที่พวกเขาทะลุเข้าไปได้ถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่การตกรอบเร็วก็ทำให้พวกเขาหันไปโฟกัสกับบอลลีกได้เต็มที่ จนท้ายที่สุด ซิเมโอเน่ อินซากี้ พา อินเตอร์ มิลาน คว้า สคูเด็ตโต้ ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยแต้มทิ้งห่างอันดับสองขาดลอยที่ 94 แต้ม โดยที่พวกเขาแพ้ไปเพียง 2 เกมเท่านั้น
4. อาร์เซน่อล
ถ้านับเฉพาะในรอบปี 2024 อาร์เซน่อล ถือเป็นหนึ่งทีมที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาพาตัวเองขึนมาลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดได้ถึง 2 ปีซ้อน แม้จะยังไม่ถึงฝั่งฝันก็ตาม หากวิเคราะห์ผู้เล่นในแต่ละตำแหน่งของทีม ปืนใหญ่ ก็จะพบว่า มิเกล อาร์เตตา ทำการคัดสรรมาอย่างดีแล้วว่าทีมชุดนี้ดีพอจะยืนระยะยาวได้ ดังนั้นในฤดูกาลหน้าไม่ต้องห่วงว่าทีม ปืนใหญ่ จะใจฝ่อท้อแท้จากความผิดหวัง เพราะพวกเขาจะกลับมาพร้อมลุยสู้ฟัดกว่าเดิมแน่นอน ยิ่งถ้าได้งบประมาณในการเสริมทัพจากบอร์ดมากด้วยล่ะก็ ตำแหน่งแชมป์คงอยู่ไม่ไกลเท่าไรนักเชียว
3. ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
ก่อนฤดูกาล 2023/24 จะเริ่มต้นขึ้นคงไม่มีใครนึกฝันว่า ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จะเฉียดเข้าใกล้คำว่าแชมป์ได้แม้แต่น้อย แต่ ชาบี อลอนโซ่ กลับทำได้มากกว่านั้น ด้วยการพาทีม ห้างยา เถลิงบัลลังค์แชมป์แบบไร้พ่ายตลอดทั้ง 34 เกมที่ลงฟาดแข้งใน บุนเดสลีกา ซีซันนี้ รวมไปถึง เดเอ็ฟเบ-โพคาล อีกหนึ่งถ้วย ทำให้ เลเวอร์คูเซ่น จบลงด้วยผลงานดับเบิ้ลแชมป์ สิ่งที่น่าสนใจคือสไตล์การเล่นที่ อลอนโซ่ นำมาปรับใช้ให้วิงแบ็คทั้งสองข้างมีส่วนรวมในการวิ่งทะลุทะลวงขึ้นไปทำประตู ทำให้ฟุตบอลของทีม ห้างยา ในตอนนี้มีทั้งความสวยงามและอันตรายในเวลาเดียวกัน
2. แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกตั้งคำถามถึงแรงกระหายที่หายไปหลังคว้า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ในฤดูกาลก่อนหน้า ส่วนสำคัญคือการเสียสองนักเตะอย่าง อิลคาย กุนโดกัน และ ริยาร์ด มาเรซ ไปทำให้ทีม เรือใบ ไม่แข็งแกร่งไร้เทียมทานเหมือนปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยังคงแสดงให้เห็นว่าแม้ในยามที่ทีมมาตรฐานตกลงไป แต่พวกเขาก็ยังเขี้ยวลากดินมากพอจะรักษาตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไว้ได้ แถมในซีซันล่าสุดยังเป็นการทำสถิติใหม่ด้วยการคว้าแชม์ลีกสูงสุด อังกฤษ ได้ติดต่อกัน 4 สมัยเป็นทีกแรกในประวัติศาสตร์อีกด้วย
1. เรอัล มาดริด
หลายคนมองว่าการจากไปของ คาริม เบนเซม่า จะส่งผลกระทบต่อ เรอัล มาดริด อย่างจริงจัง แต่ในความเป็นจริง คาร์โล อันเชล็อตติ กลับไม่ได้หวั่นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งการเข้ามาของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม กลายเป็นกุญแจสำคัญช่วยให้ทีม ราชัดชุดขาว ทะยานขึ้นมาบนจุดสูงสุดได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ รวมทั้ง วินิซิอุส จูเนียร์ ที่กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว ก็ช่วยให้ "ลอส บลังกอส" กลับมาคว้าแชมป์ ลาลีกา รวมถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อย่างไร้เทียมทาน คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า เรอัล มาดริด คือสโมสรอันดับหนึ่งของโลกฟุตบอลเวลานี้