ย้อนรอย 5 แข้งเซ็นฟรีที่ว่ากันว่าคุ้มค่าที่สุดแห่งวงการฟุตบอลในรอบ 24 ปี - RANKED

  • การย้ายสังกัดเป็นเรื่องปกติของวงการฟุตบอลที่มีกันมาช้านาน
  • ซึ่งหลายครั้งนักเตะชื่อดังก็ย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว เนื่องจากทั้งสัญญาที่หมดลงหรือการตกลงปลงใจกันกับต้นสังกัดเดิม
  • ย้อนรอย 5 ดีลสุดคุ้มที่มาแบบไร้ค่าตัวพร้อมกับสร้างอิมแพ็คให้ทีมได้มหาศาล
TOPSHOT-FBL-EUR-C1-TOTTENHAM-LIVERPOOL
TOPSHOT-FBL-EUR-C1-TOTTENHAM-LIVERPOOL / JAVIER SORIANO/GettyImages
facebooktwitterreddit

การย้ายทีมถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับนักฟุตบอลทุกคน ซึ่งการโยกย้ายก็มีหลายกรณีอาทิ ย้ายสังกัดด้วยการซื้อตัว, การยืมตัวไปใช้งาน รวมถึงการหมดสัญญากับต้นสังกัดเดิมและเลือกย้ายไปยังสโมสรใหม่แบบไม่มีค่าตัว

วันนี้เราจะพาไปพบกับ 5 ผู้เล่นที่ย้ายทีมแบบฟรี ๆ ตลอดช่วง 24 ปีที่ผ่านมา แต่กลับสร้างความคุ่มค้าอย่างมหาศาลให้กับต้นสังกัดใหม่ของพวกเขา


5. เจมส์ มิลเนอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป ลิเวอร์พูล ปี 2015)

Raheem Sterling, James Milner
Liverpool v Manchester City - Premier League / Matthew Ashton - AMA/GettyImages

แม้จะประสบความสำเร็จอย่างมากกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และแชมป์ เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัย แต่ มิลเนอร์ ก็ไม่ได้เป็นนักเตะตัวหลักระดับซุเปอร์สตาร์ของพลพรรค “เรือใบสีฟ้า”

หลังหมดสัญญาใน ถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม มิลเนอร์ ในวัย 30 ปี ตัดสินใจย้ายไปค้าแข้ง ลิเวอร์พูล แบบไร้ค่าตัวเมื่อปี 2015 ในยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อดีตกุนซือชาวไอร์แลนด์ และกลายเป็นผู้เล่นสารพัดประโยชน์ที่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะ“หงส์แดง” มาจนถึงยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน

ตลอด 8 ซีซันใน ถิ่นฟิลด์ นั้น มิลเนอร์ ลงเล่นในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ไปมากถึง 332 เกม ซัดไป 26 ประตู พร้อมกับรับบทบาทรองกัปตันทีมช่วยให้ “หงส์แดง” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ, แชมป์สโมสรโลก, เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ

ในซัมเมอร์ที่แล้ว มิลเนอร์ วัย 38 ปี หมดสัญญากับ ลิเวอร์พูล และย้ายไปร่วมทีม ไบรท์ตัน ซึ่งดูเหมือนว่า เจ้าตัวยังไม่คิดเรื่องแขวนสตั๊ดแม้จะอยู่ในช่วงปลายอาชีพแล้วก็ตาม

4. โซล แคมป์เบลล์ (ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ไป อาร์เซน่อล ปี 2001)

Sol Campbell of Arsenal celebrates scoring Arsenal's first goal
Sol Campbell of Arsenal celebrates scoring Arsenal's first goal / Phil Cole/GettyImages

แคมป์เบลล์ เติบโตมาจากทีมเยาวชนของ สเปอร์ส และค้าแข้งกับสโมสรนานถึง 9 ปี ซึ่งการที่เจ้าตัวตัดสินใจเซ็นสัญญากับคู่อริตลอดกาลอย่าง อาร์เซนอล แบบไม่มีค่าตัว นั้น สร้างความโกรธแค้นให้กับบรรดาแฟนบอล “ไก่เดือยทอง” อย่างหนักจนถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ

 อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ กล่าวถึงการเลือกย้ายไปเล่นกับ อาร์เซนอล ว่า “มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ผมสามารถหาเงินได้มากกว่านี้จากการย้ายไปเล่นในต่างประเทศ แต่ผมรู้สึกว่า อาร์เซน่อล คือ สโมสรที่ผมควรย้ายไปอยู่ด้วย”

อย่างไรก็ตาม แม้จะโดนโจมตีอย่างหนัก แต่ แคมป์เบลล์ ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ อาร์เซน่อล โดยลงเล่นไปรวมทุกรายการ 197 เกมตลอด 5 ฤดูกาล พร้อมกับพาพลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และแชมป์ เอฟเอ คัพ 2 สมัย

3. อันเดรีย ปิร์โล่ (เอซี มิลาน ไป ยูเวนตุส ปี 2011)

Andrea Pirlo
Juventus FC v Atalanta BC - Serie A / Valerio Pennicino/GettyImages

จานลุยจิ บุฟฟอน ตำนานนายทวารทีมชาติอิตาลี ของ ยูเวนตุส เคยให้สัมภาษณ์หลังจากรู้ว่า ปิร์โล่ จะย้ายมาเล่นกับ “ม้าลาย” ในปี 2011 ว่า “ตอนที่ อันเดรีย บอกผมว่า เขาจะย้ายมา ยูเวนตุส สิ่งแรกที่ผมคิดคือ พระเจ้ามีอยู่จริง เขาเป็นนักเตะชั้นยอด และมีความสามารถมากๆ ซึ่งการได้ตัวเขามาแบบฟรีๆ ผมคิดว่า มันเป็นการทำธุรกิจแห่งศตวรรษ”

ในห้วงเวลาดังกล่าว มิลาน มองว่า ปิร์โล่ วัย 32 ปี เลยจุดสูงสุดของอาชีพไปแล้ว และไม่น่าจะเป็นคีย์แมนทีมได้อีกต่อไป จึงทำให้พวกเขาปล่อย อดีตเพลย์เมคเกอร์เลือดมะกะโรนี ออกจากถิ่น ซาน ซิโร่ แบบไม่มีค่าตัว และกลายเป็น ยูเวนตุส ที่อ้าแขนรับช่วงต่อ

หลังย้ายมาเล่นกับ ยูเวนตุส ปิร์โล่ กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมทันที โดยยืนปักหลักบัญชาเกมให้กับ “ม้าลาย” ได้อย่างสุดยอด พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัยติดต่อกัน ก่อนจะย้ายไปยัง นิวยอร์ค เอฟซี ในปี 2015

2. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไป บาเยิร์น มิวนิค ปี 2014)

Robert Lewandowski
2016-17 UEFA Champions League - Real Madrid vs FC Bayern Munich / Power Sport Images/GettyImages

เลวานดอฟสกี้ จะไม่ใช่ผู้เล่นคนสุดท้ายที่ย้ายข้ามฟากจาก ดอร์ทมุนด์ ไปยัง บาเยิร์น แต่ถ้าถามว่า ผู้เล่นคนใดประสบความสำเร็จมากที่สุดในการย้ายจาก “เสือเหลือง” ไปสวมเสื้อ “เสือใต้” แน่นอนว่า ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ ต้องเป็นคนนั้นแน่นอน

หลังย้ายมาล่าตาข่ายใน ถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า ในปี 2014 เลวานดอฟสกี้ แทบไม่ต้องปรับตัวใดๆเลย แสดงให้เห็นถึงการเป็นกองหน้าระดับโลกทันที โดยกระหน่ำไปถึง 344 ประตู จาก 375 เกมรวมทุกรายการให้กับ บาเยิร์น

ตลอด 8 ปี กับ บาเยิร์น นั้น ศูนย์หน้าวัย 35 ปี พาทีมคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ได้ถึง 8 สมัยติดต่อกัน  พร้อมกับคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก, ยูฟา ซุเปอร์ คัพ และ สโมสรโลก อย่างละ 1 สมัย

1. ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป ยูเวนตุส ปี 2012)

Paul Pogba
Juventus v Cagliari Calcio - Serie A / Claudio Villa/GettyImages

เชื่อได้ว่า ไม่มีนักฟุตบอลที่ย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวคนใดที่จะคุ้มค่าไปกว่า ป็อกบา อีกแล้ว หลังจากตัดสินใจอำลา แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือชาวสก็อตแลนด์ ไปเล่นกับ ยูเวนตุส ในปี 2012

ตลอดระยะเวลา 4 ปี กับ ยูเวนตุส นั้น อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส พัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดพร้อมยึดตำแหน่งตัวจริงในแดนกลางของพลพรรค “ม้าลาย” ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยลงเล่นไปรวมทุกรายการ 178 เกม ซัดไป 4 ประตู และพาทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัย

ในปี 2016 แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมทุ่มเงิน 89 ล้านปอนด์ คว้าตัว ป็อกบา กลับไปเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง แต่เจ้าตัวก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก และปี 2022 หลังหมดสัญญากับ “ปีศาจแดง” ดาวเตะเฟรนช์แมน สร้างเรื่องช็อกด้วยหวนกลับไปยัง ยูเวนสตุส

อย่างไรก็ตาม ในคำรบที่ 2 กับ ยูเวนตุส นั้น ป็อกบา วัย 31 ปี ล้มเหลวอย่างหนัก หลังจากมีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ และโดนแบน 4 ปี จากการณีใช้สารกระตุ้น ซึ่งทำให้เจ้าตัวแทบจะปิดฉากอาชีพนักฟุตบอลไปเรียบร้อยแล้ว