ซุเปอร์คอมทำนาย 5 ดาวยิงที่มีโอกาสคว้ารางวัลดาวซัลโว ยูโร 2024 - RANKED
- ยูโร 2024 กำลังจะเริ่มต้นในคืนวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายนนี้ โดย เยอรมนี เจ้าภาพจะพบกับ สกอตแลนด์
- ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เป็นสองตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ในปีนี้
- อิตาลี เข้ามาเล่นในฐานะแชมป์เก่าในศึก ยูโร 2020
หากพูดถึง อลัน เชียเรอร์ มิลาน บารอส หรือแม้แต่ คริสเตียโน โรนัลโด้ สิ่งที่พวกเขามีเหมือน ๆ กันนั่นก็คือตำแหน่งผู้ชนะรางวัลรองเท้าทองคำหรือที่เรียกภาษาบ้าน ๆ รางวัลดาวซัลโวสูงสุดประจำศึก ยูโร รอบสุดท้ายนั่นเอง
แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของทัวร์นาเมนต์แห่งทวีปนี้ นั่นก็คือการที่ผู้เป็นดาวซัลโวสูงสุดมักจะไม่ใช่ผู้ชนะในปีนั้น ๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือการยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำก็ไม่ได้การันตีการความแชมป์ แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือส่วนสำคัญที่จะทำให้พวกเขาเหล่านั้นบรรลุเป้าหมายได้ก็ตาม
เช่นเดียวกับ ยูโร 2024 ครั้งนี้ ที่เหล่าบรรดาซุเปอร์สตาร์เตรียมจะขับเขี้ยวกันเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่งทั้งเรื่องการการยิงประตูและการพาชาติบ้านเกิดไปถึงจุดสูงสุดให้ได้
วันนี้เราจึงนำผลการวิเคราะห์จากซุเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้เอไอคำนวนโอกาสว่าใครจะมีโอกาสคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมากที่สุดในปีนี้ โดยอิงจากตำแหน่งการเล่น ผลงานในปีที่ผ่านมา และองค์ประกอบของทีม ซึ่งจะมีใครกันบ้างตามไปชมกัน...
5. จู้ด เบลลิงแฮม
ซุเปอร์สตาร์จาก เรอัล มาดริด ตัวความหวังกับตำแหน่งหมายเลข 10 ของทีมชาติอังกฤษใน ยูโร 2024 นี้ แน่นอนว่าเขาจะเป็นอีกคนที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษจากผลงานอันยอดเยี่ยมกับ ราชันชุดขาว ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์ยุโรปในระดับสโมสรมาครองได้แบบสด ๆ ร้อน ๆ
น่าสนใจตรงที่กับ ทัพสิงโตคำราม เจ้าตัวเพิ่งจะทำได้เพียง 3 ประตูเท่านั้น จึงต้องมาลุ้นว่าสุดท้ายแล้ว แกเร็ธ เซาธ์เกต จะสามารถงัดความสามารถที่แท้จริงของเขาคนนี้ออกมาจนพาทีมประสบความสำเร็จได้หรือไม่
4. โรเมลู ลูกากู
แม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของเขาคนนี้ แถมยังเป็นเป้าโจมตีของแฟนบอลว่ามีส่วนทำให้ เบลเยียม ไปไม่ถึงฝั่งฝันในฟุตบอลโลก 2022 จากการยิงนกตกปลาชนิดที่ดวงตกสุด ๆ จ่อแค่ไหนก็ไม่เข้า
แต่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเขายังคงเป็นกองหน้าที่กระหายสกอร์มากที่สุดคนหนึ่งกับการมักจะพาตัวเองไม่อยู่ในพื้นที่อันตรายได้เสมอ การันตีด้วยสถิติผลงาน 85 ลูกกับทีมชาติ แถมพวกเขายังมีตัวปั้นเกมอันดับหนึ่งอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ที่น่าจะมีส่วนช่วยให้ ลูกากู กลับคืนสู่สังเวียนการเป็นกองหน้าระดับหัวแถวได้อีกครั้ง
3. คริสเตียโน โรนัลโด้
CR7 มีดีกรีเป็นถึงเจ้าของรางวัลดาวซัลโวสูงสุดในศึก ยูโร 2020 ที่ผ่านมากับผลงาน 5 ประตูจาก 4 เกม แม้ว่าโปรตุเกสจะจอดป้ายเพียงรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ตาม
ด้วยวัย 39 ปีแต่เขาดูเหมือนจะยังคงเป็นตัวความหวังของทัพฝอยทองที่จะนำพาทีมประสบความสำเร็จอีกครั้งหลังจากที่เคยทำได้ในปี 2016 แถมยังมีโอกาสสูงที่จะกอบโกยประตูจากการที่ โปรตุเกส อยู่ในกลุ่มที่ชิลกว่าชาวบ้านเขาที่มีชาติอย่าง สาธารณรัฐเช็ก ตุรกี และ จอร์เจีย รวมสายในรอบแบ่งกลุ่ม
2. แฮร์รี เคน
ความหวังสูงสุดของทีมชาตอังกฤษกับผลงาน 63 ประตูจาก 91 เกมที่รับใช้ชาติ แถมผลงานกับ บาเยิร์น มิวนิค ยังคงยิงกระจายเช่นเคยแม้ เสือใต้ จะไปไม่ถึงฝั่งฝันในซีซั่นที่ผ่านมา
แม้ฝีเท้าของเขาจะไม่มีใครสงสัยอะไรแล้วที่ทั้งยิงและลงมาปั้นเกมได้ดีเหมือนเพลย์เมคเกอร์ธรรมชาติ แต่ฉายา "ราชาไร้มงกุฎ" ของเขาเป็นสิ่งที่ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่เพราะตลอดเวลาที่รับใช้ชาติมาเขาทำได้ดีที่สุดเพียงเข้าถึงรอบชิงชนะเท่านั้นในปี 2020 รวมถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2018 ที่เจ้าตัวเป็นเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในทัวร์นาเมนต์นั้น
1. คิเลียน เอ็มบัปเป้
แน่นอนสตาร์เบอร์หนึ่งของโลก ณ เวลานี้อย่าง "ท่านประธานเป้" จะเป็นคนที่ถูกจับตามองมากที่สุดทั้งจากผลงานและดีกรีที่ถูกยกให้เป็นเบอร์หนึ่งแห่งยุคปัจจุบัน ซึ่งเขาจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหลังเคยพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2018 มาครอง แต่สำหรับรายการนี้หนล่าสุดเจ้าตัวพลาดจุดโทษจนพาทีมจอดป้ายที่รอบ 16 ทีมมาแล้วเมื่อปี 2020
นอกจากนี้เขาคือเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมาแต่สุดท้ายก็เป็นได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น นี่จึงเป็นอีกบทพิสูจน์สำคัญหากว่าเจ้าตัวต้องการจะขึ้นไปยืนในระดับเดียวกับรุ่นพี่อย่าง โรนัลโด้ และ เมสซี ถ้วยใบนี้ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีไว้ประดับบารมีในอาชีพการค้าแข้ง