จับอันดับ 20 การเซ็นสัญญายอดแย่ตลอดกาลของ แมนยู - RANKED
- ลูกากู และ ดิ มาเรีย ทำไว้เจ็บแสบเพราะตอนอยู่ไม่ทำประโยชน์ แต่ตอนย้ายออกกลับให้สัมภาษณ์เหน็บทีมเก่า
- พอล ป็อกบา เป็นการเซ็นสัญญายอดแย่ที่แพงที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด
- เจดอน ซานโช่ ไม่น่าจะได้กลับมาสวมเครื่องแบบ ปีศาจแดง อีกแล้วหาก เทน ฮาก ยังอยู่ในตำแหน่ง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับเป็นหนึ่งทีมที่เลือกเซ็นสัญญานักเตะได้ฉลาดหลักแหลมที่สุดในโลก โดยเฉพาะในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ดาวเตะมากมายถูกเจียระไนจนกลายเป็นเพชรเม็ดงามของโลกฟุตบอลในเวลาต่อมา แต่ในทางกลับกัน แม้แต่นักปราญช์ก็ยังรู้พลั้ง หากมองอีกมุมก็มีนักเตะจำนวนไม่น้อยกลายร่างจากเพชรเป็นถ่านได้เหมือนกัน หรือบางรายอาจจะเป็น "เพชรเก๊" มาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ วันนี้ 90MIN จึงอยากพาทุกท่านไปชม 20 การเซ็นสัญญายอดแย่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่ามีใครกันบ้าง
20. ตง ฟานโจว
หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งทีม ปีศาจแดง เคยมีนักเตะจาก จีนแผ่นดินใหญ่ นามว่า "ตง ฟานโจว" อยู่ในรายชื่อผู้เล่น ซึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดึงตัวเข้าร่วมทัพตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี ท่ามกลางกระแสความภาคภูมิใจว่าเขาคือนักเตะ จีน คนแรกที่ได้เล่นให้ทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อย่างไรก็ตาม เส้นทางอาชีพของ ตง ฟานโจว กลับพลิกผันแบบสุดขีด ด้วยปัญหาในการปรับตัวทางด้านภาษาที่เข้าขั้นย่ำแย่ ทำให้ ตง ฟานโจว แทบจะไม่สุงสิงกับใครในห้องแต่งตัวเลย กลายเป็นปัญหาที่สโมสรไม่อาจแก้ไขได้ในเวลานั้น จนท้ายที่สุดแม้ "อาตง" จะมีทักษะฝีเท้าที่ดี แต่ดาวเตะรายนี้ก็จำใจต้องระเห็ดระเหินออกไปโดยลงสนามรับใช้ทีมเพียงแค่ 3 นัดเท่านั้นเอง
19. ฮวน เซบาสเตียน เวรอน
ในกรณีของ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ไม่ใช่ว่าเขาล้มเหลวเพราะฝีเท้าไม่ถึง โดยดาวเตะชาว อาร์เจนติน่า รายนี้ย้ายมาจาก ลาซิโอ้ ด้วยฟอร์มสุดเทพ ทำให้บรรดาแฟนบอลและสื่อมวลชนต่างคาดหวังว่าเขาจะกลายมาเป็นห้องเครื่องคนสำคัญให้ แมนยูฯ ในยุคนั้นได้ และในช่วงแรกเขาก็โชว์ฟอร์มเทพออกมาให้เห็นอยู่จริง ๆ
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อซีซันเริ่มดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เวรอน เริ่มมีปัญหาทางด้านความฟิต ประกอบกับสไตล์ของ พรีเมียร์ลีก ที่อาศัยร่างกายในการบดบี้สูง เขาจึงยืนระยะตลอดทั้งเกมไม่ไหวเพราะส่วนตัวเป็นสายเทคนิคไม่ใช่พละกำลัง รวมถึงการมีขาใหญ่อย่าง รอย คีน อยู่กลางสนามก็ทำให้ เวรอน ไม่อาจเฉิดฉายได้เต็มประสิทธิภาพเพราะแย่งกันเล่น
ท้ายที่สุด เวรอน ย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไป เชลซี ด้วยมูลค่าเพียงครึ่งเดียวจากตอนที่ แมนยูฯ ซื้อมา แต่ก็ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ พรีเมียร์ลีก ได้เหมือนเดิม เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ป๋ายกให้ว่า "โคตรเก่ง" แค่ลีก อังกฤษ ไม่ใช่ที่ของเขาเท่านั้นเอง
18. โรเมลู ลูกากู
ดาวยิงร่างยักษ์ฉายา "พี่ตู้" ระเบิดฟอร์มโหดกับ เอฟเวอร์ตัน ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะยอมทุบกระปุกควักเงินกว่า 75 ล้านปอนด์ดึงเขามาร่วมทีม ซึ่งในซีซันแรก ลูกากู ก็ตอบแทนทีม ปีศาจแดง ด้วยการกดไปคนเดียวถึง 28 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ แม้ แมนยูฯ จะไม่ได้แชมป์สักถ้วยในปีนั้น
ในซีซันถัดมา ปัญหาของ ลูกากู คือเขาไม่ใช่ผู้เล่นในบิ๊กแมตช์ เมื่อเจ้าตัวลงเล่นเจอกับทีมในระดับบิ๊กซิกส์ ลูกากู มักจะแผลงฤทธิ์ไม่ออกหรือพลาดจังหวะง่าย ๆ จนกระทั่งในฤดูกาล 2018/19 โชเช่ มูรินโญ่ ถูกปลดกลางซีซัน ลูกากู ก็เริ่มฟอร์มดิ่งลงเรื่อย ๆ จนต้องย้ายซบ อินเตอร์ มิลาน ในเวลาต่อมาโดยที่ยังโชว์ฟอร์มไม่คุ้มค่าตัวสักเท่าไร แถมตอนจากลาทีมไปก็ให้สัมภาษณ์จิกกัดทีมเก่าเป็นระยะ ๆ อีกด้วย
17. กาเบรียล โอแบร์ตอง
ปีกจอมกระชากลากเลื้อยย้ายจาก บอร์กโดซ์ มาสู่ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยราคาค่าตัว 3 ล้านปอนด์ ท่ามกลางความหวังว่าเขาจะกลายมาเป็น "นิว โรนัลโด้" ในอนาคต
แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าเจ้าตัวไม่อาจเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงได้ในขณะนั้นได้ รวมถึงเมื่อครั้งที่ได้ลงสนามก็แผลงฤทธิ์ไม่ค่อยจะออก ก่อนเริ่มหายหน้าหายตาจากรายชื่อผู้เล่นไปตามกาลเวลา
สรุปแล้ว โอแบร์ตอง ลงเล่นให้ แมนยูฯ ไปทั้งสิ้นเพียง 14 เกมในสองฤดูกาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงมาในฐานะตัวสำรองอีกด้วย ก่อนจะย้ายซบ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อปี 2011 ปิดฉากตำนาน "นิว โรนัลโด้" ที่ไม่เคยใกล้เคียงเลยสักนิด
16. วิลฟรีด ซาฮา
โชคชะตาของ วิลฟรีด ซาฮา อาจไม่ได้ถูกลิขิตมาให้เหมาะสมกับเครื่องแบบ ปีศาจแดง เพราะถึงแม้แข้งรายนี้จะเป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทีม แต่ในตอนที่เขาย้ายมาถึง โอล แทรฟฟอร์ด เซอร์ อเล็กซ์ กลับโบกมือลาสโมสรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซาอา กลายมาเป็นนักเตะสถานะเคว้งคว้างในทีมของ เดวิด มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งไม่ได้ชื่นชอบสไตล์การเล่นของดาวเตะรายนี้สักเท่าไร จนสุดท้าย ซาฮา ก็ต้องเก็บกระเป๋าย้ายกลับไป คริสตัล พาเลซ ซึ่งเป็นทีมที่เขาได้แสดงศักยภาพออกมาเต็มที่ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแข้งที่ร่วงตั้งแต่ยังไม่ได้ออกสตาร์ทเลยด้วยซ้ำ
15. เฮนริค มคิตาร์ยาน
มคิตาร์ยาน เป็นคีย์แมนคนสำคัญของ ดอร์ทมุนด์ ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และ โธมัส ทูเคิ่ล ถึงขนาดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมจ่ายเงินถึง 26 ล้านปอนด์ดึงเขามาร่วมทีมในปี 2016 ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงดาวเตะชาว แอลเบเนีย โชว์ฟอร์มได้เข้าเป้าในการย้ายเข้ามาช่วงแรก ๆ รวมถึงฝากลูกยิง "สกอเปี้ยน คิก" ไว้ให้แฟนบอลได้จดจำอีกด้วย
แต่หลังจากนั้น มคิตาร์ยาน เริ่มฟอร์มร่วงลงตามกาลเวลา บ้างก็ว่าเป็นเพราะเขาอกหัก อีกส่วนก็ว่าดาวเตะรายนี้สไตล์การเล่นไม่เหมาะกับทีม ปีศาจแดง จนเจ้าตัวเริ่มตกเป็นผู้เล่นนอกแผนการทำทีม และถูกนำไปใช้แลกตัวกับ อเล็กซิส ซานเชส จาก อาร์เซน่อล เป็นการปิดเส้นทางอาชีพการค้าแข้งกับทีม ผีแดง ลงแบบไม่สวยงามนัก
14. โอเว่น ฮาร์กรีฟส์
แมนฯ ยูไนเต็ด ลงทุนซื้อ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ มาจาก บาเยิร์น มิวนิค ด้วยจำนวนเงิน 17 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการเสี่ยงโชคครั้งใหญ่เพราะในฤดูกาลก่อนหน้า ฮาร์กรีฟส์ เพิ่งจะขาหักจนลงเล่นไม่ได้เกือบทั้งซีซัน
อย่างไรก็ตามดาวเตะรายนี้มีส่วนร่วมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ตั้งแต่ปีแรกของเขากับทีม ปีศาจแดง ด้วยการลงสนามถึง 34 เกม และยังฝากฟอร์มอันยอดเยี่ยมไว้ได้ในเกมนัดชิงชนะเลิศกับ เชลซี อีกด้วย
แต่เหมือนโชคชะตาดันมาเล่นตลกเพราะ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ เริ่มประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องจนต้องเข้ารับการผ่าตัดเข่าถึงสองครั้งด้วยกัน ทำให้ตัวเขาไม่ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตัดสินใจปล่อยตัวเขาในปี 2011 ท่ามกลางความน่าเสียดายเพราะเขาควรจะไปได้ไกลกว่านี้
13. ดิเอโก้ ฟอร์ลัน
หลายคนน่าจะยกย่องให้ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน เป็นหนึ่งในกองหน้าจอมถล่มประตูที่โคตรเก่งในอดีต แต่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรื่องราวกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะตลอด 3 ฤดูกาลของดาวยิงผมทองใน พรีเมียร์ลีก ฟอร์ลัน ไม่ใช่คนที่ฝากผีฝากไข้ได้เลยสักนิด
ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ย้ายจาก อินดิเพนเดนเต้ ใน อาร์เจนติน่า มา แมนยูฯ ด้วยสถิติการยิง 40 ประตูใน 91 เกม ซึ่งถือว่าเยอะมาก แต่เมื่อเขาได้ลงสัมผัสผืนหญ้า โอล แทรฟฟอร์ด ในซีซันแรก ฟอร์ลัน ปืนบอดไปถึง 18 เกมติดต่อกัน ก่อนจะมาเริ่มยิงได้เป็นครั้งคราวในช่วงเวลาต่อมา
แต่ 17 ประตูในเวลา 3 ปีก็ไม่ดีพอจะให้เขายืนระยะเป็นกองหน้าทีม ปีศาจแดง ได้นาน จนต้องย้ายออกไปในที่สุด
12. เคลแบร์สัน
เคลแบร์สัน เป็นถึงนักเตะดีกรีแชมป์โลกปี 2022 ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาได้รางวัลนี้มาในฐานะลูกหาบ แต่ เคลแบร์สัน เป็นมิดฟิลด์คนสำคัญของทีมชาติ บราซิล ซึ่งช่วยให้ทีมคว้าโทรฟี่ดังกล่าวมาได้สำเร็จ
แน่นอนว่านักเตะระดับนี้ก็ต้องเหมาะสมที่จะเล่นในทีมฟุตบอลระดับสูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่รอช้ารีบติดต่อขอซื้อตัวเขามาร่วมทัพในปี 2003 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่เซ็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาอีกด้วย
แต่ภายใต้สีเสื้อปีศาจแดง เคลแบร์สัน แทบจะไม่ได้สวมมันลงเล่นเหมือน โรนัลโด้ เลย เพราะอาการบาดเจ็บที่คอยรบกวนอยู่ไม่เว้น ทำให้ดาวเตะรายนี้ไม่อาจร่ายมนต์เหมือนที่เขาทำได้กับทัพ แซมบ้า
ยิ่งกาลเวลาผ่านไปอาการบาดเจ็บของ เคลแบร์สัน ก็ดูจะไม่มีแววดีขึ้นสักเท่าไร สุดท้าย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ไม่มีทางเลือก ต้องขายเขาออกไปหลังจากที่ลงเล่นได้เพียงแค่ 30 เกมเท่านั้นเอง
11. มอร์แกน ชไนเดอร์แลง
มอร์แกน ชไนเดอร์แลง นับเป็นกองกลางตัวรับฝีเท้าร้ายกาจในสมัยที่เขาค้าแข้งอยู่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน จนกระทั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอ 25 ล้านปอนด์ขอซื้อตัวเขามาร่วมทีม แต่กลับกลายเป็นช่วงขาลงของดาวเตะรายนี้อย่างไม่มีใครคาดคิด
ตลอดระยะเวลาเพียง 18 เดือนที่ดาวเตะชาว ฝรั่งเศส รายนี้ค้าแข้งใน โอล แทรฟฟอร์ด เขาได้ลงสนามไปเพียง 32 เกมเท่านั้น ซึ่งภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ชไนเดอร์แลง ได้ลงไปเหยียบพื้นสนามเพียงแค่ 14 นาทีตลอดทั้งฤดูกาล 2016/2017 ก่อนที่จะทนไม่ไหวย้ายออกไปซบ เอฟเวอร์ตัน ในเวลาต่อมา
10. ราดาเมล ฟัลเกา
ในโลกฟุตบอลยุคหนึ่ง ราดาเมล ฟัลเกา ถือเป็นกองหน้าที่เฉียบคมและอันตรายที่สุดคนนึงเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะการทำแฮตทริกใส่ เชลซี ใน ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ปี 2012 ยิ่งเป็นการตอกย้ำกว่า "เอล ติเกร" เก่งกาจแค่ไหนในสมัยที่เขาค้าแข้งกับ แอตเลติโก้ มาดริด
น่าเสียดายที่ ฟัลเกา ย้ายมา แมนฯ ยูไนเต็ด ช้าไปหน่อย เพราะในตอนนั้นเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่ามาแล้ว ก่อนที่ทีม ปีศาจแดง จะขอเสี่ยงยืมตัวมาใช้งานพ่วงอ็อปชั่นซื้อขาดซึ่งก็ไม่ได้ถูกใช้งานแต่อย่างใด เพราะตลอดช่วงเวลาการค้าแข้งให้ แมนยูฯ กว่า 29 นัด ฟัลเกา ส่งบอลซุกก้นตาข่ายได้เพียง 4 ครั้งเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่เพียงพอจะทำให้ แมนยูฯ ทุ่มเงินก้อนเซ็นเขามาร่วมทีมแบบถาวร
9. อังเคล ดิ มาเรีย
อังเคล ดิ มาเรีย ประสบความสำเร็จมาทุกอย่างแล้วกับ เรอัล มาดริด ซึ่งการย้ายมาร่วมทัพ ปีศาจแดง ก็ดูไม่น่าจะสร้างความยากลำบากใด ๆ ให้กับแข้งรายนี้ แต่เรื่องราวกลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะตั้งแต่ ดิ มาเรีย ย้ายเข้ามาอาศัยที่ แมนเชสเตอร์ ช่วงแรก ๆ บ้านของเขาก็ถูกโขมยขึ้นเป็นการเปิดหัวการผจญภัยครั้งใหม่ได้ไม่สวยหรูนัก
หลังจากนั้น ดิ มาเรีย รวมถึงครอบครัวของเขา พบกับความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของคนท้องถิ่น ทั้งภาษา และการใช้ชีวิต ส่งผลไปถึงฟอร์มของเขากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่ง หลุยส์ ฟาน กัล กุมบังเหียนอยู่ ดิ มาเรีย เริ่มหลุดเป็นตัวสำรองในเวลาต่อมา ประกอบกับน้ำหนักของการใส่เสื้อหมายเลข 7 ที่ทับถมทวีคูณความกดดันเข้าไปทุกวัน
ท้ายที่สุด ดิ มาเรีย ไม่ยอมกลับมารายงานตัวกับทีม ปีศาจแดง เพราะอยากย้ายทีม จนถูกขายให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
หลังจากลงเล่นได้เพียงแค่ 1 ซีซันเท่านั้น ซึ่งภายหลังเจ้าตัวก็ออกมาให้สัมภาษณ์อีกว่าไม่เคยอยากย้ายมา แมนยูฯ เลย แต่ตอนแรก เปแอชเช ติดปัญหาเรื่องการเงินเลยต้องมา เป็นการสร้างความเกลียดชังและความเจ็บใจให้แฟนบอล ผีแดง อย่างไม่มีวันลืม
8. มัสซิโม่ ตาอิบี้
ในฤดูกาล 1999/00 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโจทย์ใหญ่คือการหาตัวแทนผู้รักษาประตูอย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิล ซึ่งย้ายออกจากทีมไปหลังคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้ในปีก่อน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้โอกาสนายทวารถึงสามคนคือ มาร์ก บอสนิช, ฟาน เดอ ฮาว, และ มัสซิโม่ ตาอิบี้ ได้ลงทดลองเฝ้าเสาตามลำดับ
ตาอิบี้ ลงเดบิวต์ในเกมเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 เป็นหนแรก ซึ่งเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ตามด้วยเกมเสมอกับ วิมเบิลดัน 1-1 ซึ่ง ตาอิบี้ ก็ยังคงเล่นได้ตามมาตรฐานเช่นเคย
เรื่องราวกลับมาพลิกในเกมที่สามกับ เซาธ์แฮมป์ตัน เพราะ ตาอิบี้ ดันพลาดลูกง่าย ๆ จากการที่ แม็ทธิว เลอ ทิสซิเยร์ ลองตะบันยิงจากนอกกรอบเขตโทษ ซึ่งบอลที่ออกจากเท้าก็ไม่ได้มีทั้งน้ำหนักและทิศทางที่ดีพอจะเป็นประตู แต่ ตาอิบี้ กลับก้มลงไปรับบอลหลุดมือลอดขาเข้าประตูไปแบบสุดช็อค ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเก็บสามแต้มได้ หลังจากนั้น ตาอิบี้ ฟอร์มด่ำดิ่งในเกมถัดมาที่แพ้ เชลซี 0-5 และเขาก็ไม่เคยได้ลงเฝ้าเสาให้ทีม ปีศาจแดง อีกเลยนับแต่นั้น
7. อเล็กซิส ซานเชส
เป็นอีกหนึ่งคนที่ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลยในการย้ายมาเล่นใน โอล แทรฟฟอร์ด เพราะ ซานเชส พิสูจน์ตนเองมาหมดแล้วกับ บาร์เซโลน่า และ อาร์เซน่อล จนได้รับการประเคนเสื้อหมายเลข 7 ให้ในเวลานั้น และได้ถ่ายทำคลิปวิดีโอเปิดตัวสุดเท่ห์ด้วยการเล่นเปียโนเพลง "กอรี่ กอรี่ แมนฯ ยูไนเต็ด" ขณะสวมเครื่องแบบ ปีศาจแดง
อย่างไรก็ตาม "อาเล็ก" กลับโชว์ฟอร์มเก่งไม่ออกเสียอย่างนั้น ด้วยการทำได้เพียง 3 ประตูในการลงเล่นกว่า 18 เดือน สร้างความงุนงงให้กับแฟนบอล ปีศาจแดง ว่าเขาไปโดนตัวไหนมาถึงฟอร์มหลุดขนาดนี้ จนสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจปล่อยเขายืมตัวและขายขาดให้ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2020 โดยที่แฟนบอลพากันกล่าวว่าการเล่นเปียโนของเขาในคลิปเปิดตัว เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเคยทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด..
6. ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค
ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค น่าจะเป็นหนึ่งในแผลสดที่สุดของแฟนบอล แมนยูฯ เพราะเจ้าตัวย้ายมาร่วมทีมภายใต้ดีกรีดาวรุ่งประจำทีม อาแจ็กซ์ และมีส่วนร่วมในการพาทีมทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลก่อน
แต่ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ซึ่งมีดาวเตะในตำแหน่งเดียวกันเยอะแยะเต็มไปหมด ฟาน เดอ เบ็ค ไม่อาจรีดฟอร์มเก่งออกมาได้เลยสักนัด เป็นเหตุให้เขาถูกจับนั่งสำรองแบบยาว ๆ และเริ่มมีปัญหาอาการบาดเจ็บแทรกมาให้เห็นเป็นระยะ ๆ
แม้ว่าการเข้ามาของเจ้านายเก่าอย่าง เอริก เทน ฮาก จะพอจุดประกายความหวังให้ดาวเตะรายนี้ได้บ้าง แต่ในความเป็นจริง ฟาน เดอ เบ็ค ไม่เคยดีพอจะยึดพื้นที่ตัวจริงในทีมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เลยสักครั้ง เป็นที่มาของเงิน 35 ล้านปอนด์ที่เสียไปแบบไม่คุ้มค่า และปัจจุบันก็ยังมีสัญญาอยู่กับทีมโดยที แฟนผี ได้แต่ภาวนาว่าสโมสรจะปล่อยตัวเขาไปได้ในเร็ววันนี้
5. เอริค เฌมบา-เฌมบา
กองกลางตัวรับสายเลือด แคเมอรูน ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้ แมนยูฯ จ่ายเงินกว่า 3.5 ล้านปอนด์ดึงเขามาในฐานะตัวแทน รอย คีน ในระยะยาว แต่ที่ไหนได้ แทนที่จะมาช่วยกันตัดเกมคู่แข่ง เฌมบา-เฌมบา กลับมาตัดกำลังใจเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลซะอย่างนั้น
ตลอดระยะเวลา 18 เดือนที่แข้งรายนี้เล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยมีเลยสักนัดที่เขาจะทำให้แฟนบอลได้อุ่นใจ โดยเฉพาะทักษะการเก็บบอลที่เข้าขั้นแย่มากแม้ตัวเองจะเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับก็ตาม
เฌมบา-เฌมบา ถูกขายให้ แอสตัน วิลล่า โดยไม่มีเรื่องราวดี ๆ ให้จดจำในเครื่องแบบ ปีศาจแดง เลยสักเรื่อง ซึ่งตอนที่เล่นให้ วิลล่า เขาก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้อีก จนกลายเป็นนักเตะพเนจรไปเรื่อยในเวลาต่อมา
4. พอล ป็อกบา
ล้มเหลวสุดหรือเปล่าไม่รู้ แต่แพงสุดน่ะใช่เลย ! ถ้าจำกันได้ พอล ป็อกบา ย้ายกลับมาร่วมทีม ปีศาจแดง ด้วยราคาค่าตัวสถิติโลกในตอนนั้นถึง 89 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นช่วงหลังเจ้าตัวโชว์ฟอร์มพีคกับ ยูเวนตุส ใน อิตาลี ซึ่งก็ต้องบอกว่าเก่งจริง ๆ ในเวลานั้น
จะว่าไปแล้วฟอร์มของ ป็อกบา ในการลงเล่นให้ แมนยูฯ คำรบสองก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรมาก เขามีทั้งช่วงที่แย่และช่วงที่ดีสลับกันไป ปัญหาคือการจะเล่นให้คุ้มค่าตัว 89 ล้านปอนด์ดันไม่ใช่เรื่องง่าย และ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงเวลาดังกล่าวก็ไม่ใช่ทีมที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง จึงพูดยากว่า ป็อกบา เป็นนักเตะที่ฝีเท้าไม่ดี
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่แฟนบอลดูจะมีปัญหากับดาวเตะรายนี้คือพฤติกรรมนอกสนามที่ ป็อกบา มักจะให้ความสำคัญกับการ "ตัดผม" และ "การเต้น" มากกว่าเร่งฟอร์มในสนามของตนเองให้ดี แม้แต่ในช่วงเวลาที่เขาเริ่มบาดเจ็บถี่ ๆ ป็อกบา ก็ยังขยันโพสต์โซเชียลมีเดีย ให้แฟนบอลหมั่นไส้เสียอย่างนั้น
สุดท้าย ป็อกบา ย้ายกลับไป ยูเวนตุส แบบไร้ค่าตัว แถมให้สัมภาษณ์ว่าแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยมอบความรักให้กับเขาเลย ยิ่งเป็นการตอกย้ำความน่าเจ็บใจอันเจ็บแสบที่ดาวเตะรายนี้ทิ้งไว้ให้แฟนบอล แมนยูฯ
3. เบเบ้
เบเบ้ น่าจะเป็น "ดีลย้อมแมว" ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลเลยก็ว่าได้ เพราะ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเซ็นเขามาร่วมทีมโดยที่ไม่เคยเห็นดาวเตะรายนี้ลงเล่นเลยแม้แต่วินาทีเดียว..
เรื่องทั้งหมดเกิดจากความเชื่อใจที่นายใหญ่ทีม ปีศาจแดง มีต่อทีมงานของเขา โดย คาร์ลอส เคยรอซ อดีตมือขวาของ เซอร์ อเล็กซ์ ร่วมกับทีมแมวมอง โปรตุกีส ให้คำแนะนำว่า เบเบ้ เป็นถึงยอดนักเตะดาวรุ่งแห่งยุค และด้วยความไว้ใจที่ เคยรอซ เคยตัดสินใจถูกต้องในการแนะนำนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาแล้ว เซอร์ อเล็กซ์ จึงยอมให้ความไว้ใจเป็นตัวตัดสินดีลนี้
ผลสรุปคือเงินกว่า 7.4 ล้านปอนด์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายออกไป ไม่เคยได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่าแม้แต่บาทเดียว เพราะ เบเบ้ ไม่เพียงแต่โชว์ฟอร์มเก่งออกมาไม่ได้ แต่ดาวเตะรายนี้แทบจะไม่มีทักษะเพียงพอจะเล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้เลยด้วยซ้ำ ที่น่าเจ็บใจกว่าคือ แมนฯ ยูไนเต็ด เลือกที่จะเซ็น เบเบ้ แทน เอเดน อาซาร์ และ ฮาเมส โรดริเกซ ซึ่งเป็นทางเลือกในขณะนั้น
2. เมมฟิส เดปาย
อีกหนึ่งดีลที่น่าเสียดายของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะเอาเข้าจริง เมมฟิส เดปาย ไม่ใช่นักเตะที่แย่อะไรนัก เขาเป็นถึงนักเตะดีกรีดาวซัลโวลีก ฮอลแลนด์ สมัยค้าแข้งอยู่กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ก่อน แมนยูฯ จะทุ่มเงินกว่า 31 ล้านปอนด์ดึงเขามาร่วมทีมพร้อมมอบเสื้อเบอร์ 7 ให้
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะเบอร์เสื้อหรือสไตล์การเล่นที่ไม่เหมาะกับแผนของทีม เดปาย กลับโชว์ฟอร์มไม่ออกในร่าง ผีแดง จนทำได้เพียง 7 ประตูเท่านั้นตลอดระยะเวลาที่ลงเล่นกว่า 53 นัด ซึ่งบางคนก็บอกว่านักเตะรายนี้มีปัญหาทางด้านวินัยและการควบคุมอาหารจนทำให้ฟอร์มรูดลงแบบกู่ไม่กลับ และถูกขายออกไปในที่สุด
1. เจดอน ซานโช่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามดูฟอร์มของดาวเตะรายนี้มาร่วมสองปี ก่อนจะตกลงปลงใจเซ็นสัญญากันด้วยค่าสินสอดราว 73 ล้านปอนด์ ท่ามกลางความยินดีปรีดีของเหล่าแฟนบอล ปีศาจแดง เพราะ ซานโช่ คือหนึ่งในเพชรเม็ดงามที่เหล่ากองเชียร์อยากได้มานาน
แต่เรื่องราวอันหอมหวานกลับพังทลายลงเมื่อ เจดอน ซานโช่ ลืมหยิบคู่มือการใช้งานติดมาด้วย ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะคนละคนกับสมัยค้าแข้งอยู่ใน เยอรมัน จากคนที่กล้าเลี้ยงกล้าเล่น กลายเป็นปีกที่ได้บอลแล้วส่งคืนหลังอย่างเดียว จนช่วงหลัง ๆ ถูกกุนซืออย่าง เอริก เทน ฮาก จับนั่งสำรองแบบยาว ๆ
เรื่องราวยิ่งทวีความวุ่นวายเมื่อ ซานโช่ มีปัญหากับ เทน ฮาก แบบชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร ทำให้เขาถูกอัปเปหิออกจากทีมชุดใหญ่ไปด้วยคำสั่งของกุนซือ ปีศาจแดง จนกระทั่งได้โอกาสออกไปยืมตัวกับทีมเก่าอย่าง ดอร์ทมุนด์ และโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในซีซันที่แล้ว จนแฟนบอลบางส่วนอยากให้เรียกตัวเขากลับมาใช้ในซีซันหน้า
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ เอริก เทน ฮาก ได้รับโอกาสอยู่คุมทีมต่อ อนาคตของ เจดอน ซานโช่ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงน่าจะปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซานโช่ จึงกลายเป็นดีลที่ไม่มีวันคุ้มค่าสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หาก เอริก เทน ฮาก ยังอยู่ในตำแหน่ง