เรอัล มาดริด พบ ลิเวอร์พูล : วิเคราะห์ 5 ประเด็นร้อนก่อนศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
โดย โตมร นวลประเสริฐ
การแข่งขัน : ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย 2020/21
วันแข่งขัน : คืนวันอังคารที่ 6 เมษายน 2021
เวลาแข่งขัน : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน : เรอัล มาดริด พบ ลิเวอร์พูล
สนาม : เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน
ถ่ายทอดสด : UEFA.tv
1. สถานการณ์ของ เรอัล มาดริด
เจ้าของสถิติทีมที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มากที่สุดในประวัติศาสตร์จำนวน 13 ครั้งโดย 4 ครั้งในนั้นเกิดขึ้นภายใน 7 ฤดูกาลหลังสุด แต่ เรอัล มาดริด ถูกเขี่ยกระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายใน 2 ซีซันหลังสุดและลูกทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ไม่ได้เป็นทีมเต็งสำหรับการแข่งขันในปีนี้แต่อย่างใดจากความไม่สม่ำเสมอของฟอร์มการเล่น
อย่างไรก็ตาม พลพรรค โลส บลังโกส เก็บชัยชนะ 9 นัดจาก 11 เกมหลังสุดและรั้งอันดับที่ 3 บนตารางคะแนน ลา ลีกา ตามหลัง แอตเลติโก มาดริด ในตำแหน่งจ่าฝูงอยู่เพียง 3 แต้มเท่านั้น
ทั้งนี้ ราชันชุดขาว มีสถิติต่อการพบกับทีมจาก อังกฤษ 13 นัดหลังสุดคิดเป็นการเก็บชัยชนะ 8 นัด แพ้ 5 นัดในการเล่นแบบน็อคเอาท์บนเวที ยุโรป
2. ลิเวอร์พูล อยู่ในช่วงคืนฟอร์ม
ลิเวอร์พูล เพิ่งจะโชว์ฟอร์มร้อนแรงหลังบุกไปเก็บชัยชนะเหนือ อาร์เซนอล 3-0 ถึงถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้พวกเขามีแต้มตามหลังอันดับที่ 4 เพื่อโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เพียง 3 คะแนนเท่านั้น
หงส์แดง เก็บชัยชนะบนเวที ยุโรป 15 นัดจาก 23 เกมหลังสุดแต่สถิติการดวลกับสโมสรจาก สเปน ไม่เป็นที่น่าประทับใจนักจากตัวเลขชัยชนะเพียง 2 ครั้งจาก 12 เกมหลังสุด
3. สภาพทีม เรอัล มาดริด
เซร์คิโอ รามอส, ดานี การ์บาฆาล และ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ จะไม่สามารถลงสนามช่วยทัพ โลส บลังโกส ได้อย่างแน่นอนในเกมนี้จากปัญหาอาการบาดเจ็บแต่คาดว่า เอเด็น อาซาร์ จะมีส่วนร่วมอย่างน้อยในฐานะตัวสำรองหลังอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อของเจ้าตัวดีขึ้น
ราฟาเอล วาราน ได้พักมาในเกมกับ เออิบาร์ เมื่อสุดสัปดาห์และจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงร่วมกับ โทนี โครส และ วินิซิอุส จูเนียร์
4. ความพร้อมของ ลิเวอร์พูล
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจเอล มาติป, โจ โกเมซ และ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ยังคงไม่สามารถลงช่วยทัพ หงส์แดง ได้แต่ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะได้ ควิฮิน เคลเลเฮอร์ กับ ดิว็อค โอริกี หายจากอาการเดี้ยงกลับมานั่งบนม้านั่งสำรองได้
มีความเป็นไปได้สูงที่ จินี ไวนัลดุม จะได้กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงในแดนกลางแทนที่ เจมส์ มิลเนอร์ ขณะที่ ดิโอโก้ โชต้า ลุ้นเบียดออกสตาร์ทเมื่อเพิ่งสังหาร 2 ประตูใส่ ปืนใหญ่ ในเกมก่อน
5. ความน่าจะเป็นของเกม
ลิเวอร์พูล มีผลงานที่กระเตื้องขึ้นอีกครั้งเมื่อ คล็อปป์ ดันเอา ฟาบินโญ ขึ้นไปประจำการที่แดนกลางในช่วงหลัง เช่นเดียวกับ เรอัล มาดริด ซึ่งเคยมีช่วงฟอร์มแกว่งได้กลับมาเข้าฝัก
ทั้ง 2 ทีมคว้าชัยชนะได้ทีมละ 3 ครั้งจากการพบกัน 6 นัดหลังสุดบนเวทียุโรป ครั้งล่าสุดที่พวกเขาพบกันพลพรรค ราชันชุดขาว คว่ำ หงส์แดง ในนัดชิงชนะเลิศ 2018 โดยย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น เรอัล มาดริด ยังสอย ลิเวอร์พูล ได้ทั้ง 2 นัดใน แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 2014/15
คาดการณ์ว่าเกมจะถูกตัดสินโดยการช่วงชิงจังหวะที่แดนกลางระหว่าง ลูก้า โมดริช, คาเซมิโร, โทนี โครส และ ติอาโก้ อัลคันทารา, ฟาบินโญ กับ จินี ไวนัลดุม โดยมีความเด็ดขาดจากบรรดาแนวรุกและความผิดพลาดจากแดนหลังชี้ขาดผลแพ้ชนะ
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด