หรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย? ย้อนรอยทีมชาติ เยอรมนี เมื่อครั้งตกรอบแบ่งกลุ่ม รอบแรก ฟุตบอลโลก - FEATURE

Germany v Japan: Group E - FIFA World Cup Qatar 2022
Germany v Japan: Group E - FIFA World Cup Qatar 2022 / BSR Agency/GettyImages
facebooktwitterreddit

ทีมชาติ เยอรมนี เพิ่งสร้างเซอร์ไพรส์กล้าๆ ปราชัยต่อ ญี่ปุ่น ในเกมแรกของ ฟุตบอลโลก กาตาร์ 2022 รอบสุดท้าย ด้วยสกอร์ 2-1 ในกลุ่มที่มียักษ์ใหญ่อย่าง สเปน เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มซึ่งพลพรรค กระทิงดุ ถล่มเอาชนะ คอสตาริกา ขาดลอย 7-0 ในคืนเดียวกัน โยนภาระหนักอึ้งให้กับทัพ อินทรีเหล็ก ในอีก 2 เกมที่เหลือของรอบแบ่งกลุ่ม

ลูกทีมของ ฮันซี ฟลิค นับว่าเป็นหนึ่งในทีมเต็งบนหน้าเสื่อจากเหล่าแข้งซูเปอร์สตาร์เต็มทีมไล่เรียงตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า มานูเอล นอยเออร์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, โจชัว คิมมิช, ไค ฮาแวร์ตซ์, อิลคาย กุนโดกัน ไปจนถึง เลรอย ซาเน และดาวรุ่งที่สร้างปรากฎการณ์ในระดับสโมสรอย่าง จามาล มูเซียลา, คาริม อเดเยมี และ ยุสซูฟา มูโกโก้ ซึ่งคงจะน่าเสียดายไม่น้อยหากพวกเขามีโอกาสโชว์ฟอร์มใน เวิลด์คัพ เพียงแค่ 3 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม

เหตุการณ์ร่วงรอบแรก ฟุตบอลโลก ของทีมชาติ เยอรมนี เคยเกิดขึ้นมาแล้วใน รัสเซีย 2018 และเลวร้ายถึงขนาดรั้งบ๊วยของกลุ่มแม้เวลานั้นทีมของ โยอาคิม เลิฟ จะมีดาวดังล้นทีมไม่ต่างจากทีมชุดนี้อย่าง มัตส์ ฮุมเมลส์, ซามี เคดิรา, โทนี โครส, เมซุต เออซิล ไปจนถึง ติโม แวร์เนอร์ นับเป็นการร่วงรอบแรก เวิลด์คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขา (หากไม่นับปี 1938 ที่เริ่มต้นรอบแรกด้วยประกบคู่น็อคเอาท์ 16 ทีม เยอรมนี ปราชัยต่อ สวิตเซอร์แลนด์ ในครั้งดังกล่าวจากเกมนัดรีเพลย์ 4-2 หลังเสมอกันในนัดแรก 1-1)

ย้อนรอย ฟุตบอลโลก รัสเซีย 2018 ทัพ ดิมานชาฟท์ พังพาบในเกมประเดิมสนามให้กับ เม็กซิโก จากประตูโทนของ เออร์วิง โลซาโน ตั้งแต่ครึ่งแรกชนิดที่ กิเยร์โม โอชัว งัดร่างซูเปอร์ไซย่ากลายเป็น แมนออฟเดอะแมตช์ งัดเซฟพัลวันรักษาคลีนชีทให้พลพรรค จังโก้

FBL-WC-2018-MATCH11-GER-MEX
FBL-WC-2018-MATCH11-GER-MEX / PATRIK STOLLARZ/GettyImages

เกมที่สองของรอบแบ่งกลุ่มดังกล่าว เยอรมนี ดวลกับ สวีเดน ที่เพิ่งเาอชนะ เกาหลีใต้ ในเกมแรกมาได้ ทีมของ เลิฟ ตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อนตั้งแต่ครึ่งแรกก่อนที่ มาร์โก รอยส์ จะตามตีเสมอต้นครึ่งหลัง ก่อนจะเหลือ 10 คนเมื่อ เจโรม บัวเต็ง ได้รับใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม โดยประตูชัยของทีมต้องรอจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 5 เมื่อ โทนี โครส ปั่นลูกฟรีคิกสุดงาม

เกมสุดท้ายของ ฟุตบอลโลก รอบแบ่งกลุ่มครั้งดังกล่าว เยอรมนี ที่ยังมีลุ้นเข้ารอบร่วมกับ สวีเดน และ เม็กซิโก มีคิวพบกับ เกาหลีใต้ ที่ร่วงตกรอบไปอย่างแน่นอนแล้ว เกมดังกล่าวไร้สกอร์ตลอด 90 นาทีโดยพลพรรค อินทรีเหล็ก ตกอยู่ภายใต้ความกดดันที่ต้องเก็บชัยชนะให้ได้แต่กลับมาถูกล่อเป้าในช่วงทดเจ็บของครึ่งหลัง 2 ประตูรวด หนึ่งในนั้นเป็นประตูของ ซน ฮึง-มิน ที่ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายโล่งๆ

การร่วงรอบแรกของ ฟุตบอลโลก 2018 ของ เยอรมนี สร้างสถิติอย่างกลายเป็นทีมแชมป์เก่าทีมที่ 4 ที่ตกรอบแบ่งกลุ่มต่อจาก ฝรั่งเศส 2002, อิตาลี 2010 และ สเปน 2014 และเป็นแชมป์เก่าที่ทำประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่จำนวน 2 ประตู เป็นรองเพียง ฝรั่งเศส 2002 ที่ครั้งนั้นทัพ ตราไก่ เจาะตาข่ายไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว

อย่างไรก็ตาม เยอรมนี ยังเหลือคิวเตะให้แก้ตัวอีก 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่มโดยเริ่มจากการเวล สเปน ในคืนวันอาทิตย์นี้ ต่อด้วยปิดท้ายกับ คอสตาริกา วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม