รีแคป ลิเวอร์พูล แบ่งแต้ม แมนซิตี้ กับ 1 คะแนนอันล้ำค่าที่ส่งให้ หงส์แดง ยังอยู่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จ - OPINION

  • ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบสุดมันส์
  • “หงส์แดง” ยังทำผลงานได้ดีแม้นักเตะบาดเจ็บมากมาย
  • การลุ้นแชมป์ 10 เกมสุดท้ายยังคงเปิดกว้าง
Liverpool FC v Manchester City - Premier League
Liverpool FC v Manchester City - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages
facebooktwitterreddit

ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ที่มีผู้เล่นชุดใหญ่บาดเจ็บไปค่อนทีม นั้น ยังคงทำผลงานที่ แอนฟิลด์ ได้อย่างน่าประทับใจหลังจากเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ในเกม “บิ๊กแมทช์” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในช่วงครึ่งแรกดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล ยังตั้งหลักได้ไม่ดีนัก และต้องเป็นฝ่ายโดน แมนฯ ซิตี้ ยิงขึ้นนำไปก่อนจาก จอห์น สโตนส์ แต่คครึ่งหลัง “หงส์แดง” ก็สามารถตามตีเสมอ และกดดันใส่พลพรรค “เรือใบสีฟ้า” จนตั้งเกมขึ้นมาแทบไม่ได้

Erling Haaland, Virgil van Dijk
Liverpool FC v Manchester City - Premier League / Alex Livesey - Danehouse/GettyImages

หนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่ปราชัยในเกมนี้คือ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังกัปตันทีมที่โชว์ฟอร์มแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องกับ โดยเกมนี้ เจ้าตัวก็ต้องรับบทผู้สั่งการในแผงแนวรับรับที่ต้องคอยประสานงานร่วมกัม โจ โกเมซ, จาเรลล์ ควอนซาห์ และ คอเนอร์ แบรดลีย์

ในวัย 32 ปี ฟาน ไดจ์ค ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ความนิ่ง และความคงเส้นคงวาเช่นเคย และถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะเก็บคลีตไม่ได้ แต่ตลอดทั้ง 90 นาที แผงแนวรับที่นำโดย ดาวเตะดัตช์ ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม และจัดการแนวรุก แมนฯ ซิตี้ ได้เป็นอย่างดี

อีกคนที่มีบทบาทสำคัญกับเกมของ ลิเวอร์พูล ก็คือ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้เล่นระดับแชมป์โลก โดย จอมทัพทีมชาติอาร์เจนติน่า ยังคงเล่นอยู่ในฟอร์มรับมาสเตอร์คลาส และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาหลายสัปดาห์แล้ว

ในเกมนี้ แม็ค อัลลิสเตอร์ วัย 25 ปี เป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่ครอบครองบอลได้มากที่สุด และมีส่วนทั้งการเล่นเกมรุก และเกมรับ รวมถึงควบคุมเกม และยังเป็นคนซัดจุดโทษอย่างเฉียบขาดช่วยให้พลพรรค “หงส์แดง” ตามตีเสมอ แมนฯ ซิตี้ ได้สำเร็จ

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-MAN CITY
FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-MAN CITY / PAUL ELLIS/GettyImages

อย่างไรก็ตาม ในอีกแง่มุมของเกม ลิเวอร์พูล ก็เกือบจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะเช่นกันจากโอกาสทองหลายครั้งของ หลุยส์ ดิอาซ ปีกชาวโคลอมเบีย แต่เจ้าตัวก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย แต่เชื่อได้ว่า ไม่มีแฟนบอลคนใดกล้าตำหนิผลงานตลอดทั้งเกมของเขาแน่นอน

ตลอดทั้ง 90 นาที ดิอาซ ใช้ความเร็ว เทคนิค ไหวพริบ การครองบอล และทักษะปั่นป่วนแนวรับผู้มาเยือนได้ตลอดทั้งเกม และสร้างสรรค์โอกาสได้มากมาย รวมทั้งยังช่วยเพื่อนร่วมทีมเล่นเกมรับ ซึ่งน่าเสียดายที่จังหวะสุดท้าย อดีตปีก เอฟซี ปอร์โต้ ตัดสินใจได้ไม่เด็ดขาดมากพอ

แม้จะจบลงด้วยผลเสมอ และหลั่นมาเป็นรองจ่าฝูงตามหลัง อาร์เซนอล ด้วยผลต่างประตูได้เสีย แต่ลูกทีมของ คล็อปป์ ยังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ในอีก 10 เกมสุดท้ายของฤดูกาลนี้ โดยมีข้อแม้ว่า ต้องทำผลงานได้สมบูรณ์แบบเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา

ในเกมต่อไป ลิเวอร์พูล มีคิวจะเล่นในรายการ ยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัด 2 กับ สปาร์ตา ปราก ใน แอนฟิลด์ โดยเกมแรก “หงส์แดง” บุกถล่ม 5-1 ซึ่งทำให้โอกาสเข้ารอบสูงมาก และ คล็อปป์ จะได้พักผู้เล่นตัวหลักก่อนจะไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก เอฟเอ คัพ สุดสัปดาห์หน้า

หลังจากนั้น จะเป็นช่วงพักเบรคทีมชาติ และ ลิเวอร์พูล จะมีคิวเล่นในลีก 2 เกมถัดไปใน แอนฟิลด์ กับ ไบรท์ตัน และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งต้องเก็บ 6 แต้มเต็มให้ได้ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ จะตัดแต้มกับ อาร์เซนอล และถึงเวลานั้น จ่าฝูงอาจเปลี่ยนมืออีกครั้ง