วิเคราะห์เงื่อนไข แมนยู ลุ้นเข้ารอบ แชมเปี้ยนส์ลีก หลังคว้า 3 คะแนนแรก
ต่อกรณี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาตัวรอดจากการเสียแต้มให้ โคเปนเฮเก้น อย่างระทึกด้วยการเซฟจุดโทษของ อองเดร โอนาน่า วินาทีสุดท้าย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น พบว่า รูปการณ์ยังบังคับให้ แมนยู ต้องเดินหน้าชนะต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 2 นัดถัดไป เพื่อไม่ให้สิ้นสุดเส้นทาง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ ที่เพียงรอบแบ่งกลุ่ม
ทีมปีศาจแดงของ เอริค เทน ฮาก เริ่มต้นเส้นทางใน ชปล. ปีนี้อย่างย่ำแย่ ด้วยการออกไปแพ้ บาเยิร์น มิวนิค 3-4 และกลับมาเฝ้าบ้านแพ้ กาลาตาซาราย 2-3
เกมล่าสุดเมื่อวันอังคาร แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เกือบเอาตัวไม่รอดอีกครั้งเมื่อ โคเปนเฮเก้น มาได้จุดโทษในช่วงทดเจ็บที่เกินเวลาทดจริงไปแล้ว จากจังหวะยกเท้าสกัดสูงของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ อย่างไรก็ตาม โอนาน่า สวมบทฮีโร่ปัดป้องลูกจุดโทษของ จอร์แดน ลาร์สสัน เอาไว้ได้ ช่วยให้ทีมผีแดงกำชัย 1-0 จากประตูโทนของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์
แต่แม้กระนั้น 3 แต้มแรกที่เพิ่งเข้ากระเป๋า แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังไม่ได้ช่วยให้พวกเขาสามารถหายใจโล่งคอได้มากนักกับสถานการณ์ในถ้วยบิ๊กเอียร์ ที่ตอนนี้ยืนอันดับ 3 ของกลุ่มเอ ตามหลัง บาเยิร์น มิวนิค ที่มี 9 แต้มเต็ม และ กาลาตาซาราย ที่มี 4 คะแนน
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงจำเป็นที่จะต้องเอาชนะเกมถัดไปให้ได้ อย่างน้อย 2 เกมต่อเนื่องกัน คือนัดหน้าที่จะบุกเตะ โคเปนเฮเก้น ที่เดนมาร์ก 8 พ.ย. และบุกเยือน กาลาตาซาราย 29 พ.ย. ก่อนจะเตะปิดกลุ่มกับ บาเยิร์น กลางเดือน ธ.ค.
ยิ่งไปกว่านั้น เวลาเดียวกันกับที่ แมนยู ต้องชนะเกมของตัวเองแล้ว พวกเขาก็ต้องลุ้นผลของอีกสนามไปพร้อมๆ กัน โดยต้องหวังให้ บาเยิร์น มิวนิค สามารถเดินหน้าชนะได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด จนโกยแต้มทิ้งไปในฐานะแชมป์กลุ่ม และให้ทีมอื่นๆ ไม่สามารถเก็บแต้มเพิ่มได้ เพื่อที่ แมนยู จะเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2
ทั้งนี้ หากไม่สามารถเอาชนะ โคเปนเฮเก้น ต่อด้วย กาลาตาซาราย ใน 2 เกมถัดไปแล้ว ก็มีโอกาสสูงที่ทีมของ เทน ฮาก จะตกรอบแรก ซ้ำรอยซีซั่น 2020/21 ที่คราวนั้น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำทีมชนะ 3 แพ้ 3 ตกรอบด้วยการเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม ถัดจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ แอร์เบ ไลป์ซิก