รัสเซีย กับ ฟุตบอลโลก 2022: สงคราม การเมือง ความขัดแย้ง และวิถีของฟุตบอล
อย่างที่หลายคนทราบกันดี ว่า ทีมชาติรัสเซีย จะไม่มีส่วนร่วมในฟุตบอลโลกปลายปีนี้ เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองที่ตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศยูเครน ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาจะถูกตัดชื่อออกจากการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติทันที และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น...
เมื่อสงครามเริ่มต้น...
อันที่จริงความขัดแย้งระหว่างสองประเทศเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยชนวนสำคัญมาจากเมื่อปี 2014 ที่ รัสเซีย ได้ทำการผนวกรวมดินแดนไครเมีย หลังชาวเมืองลงประชามติว่าต้องการจะอยู่ฝ่ายเดียวกับ รัสเซีย จากเหตุการณ์ความคัดแย้งภายในยูเครน ณ เวลานั้น นอกจากนี้ รัสเซีย ยังต้องการจะควบรวม โดเนตสก์ และ ลูกานสก์ ในภูมิภาคดอมบาส ที่อยู่ฝั่งตะวันออกของ ยูเครน ติดกับพรมแดน รัสเซีย โดยอ้างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่พยายามออกมาเคลื่อนไหวเพื่อประกาศอิสรภาพจาก ยูเครน ทำให้เกิดความตึงเครียดทางชาติพันธุ์และมีการปะทะกันนับจากนั้นเป็นต้นมา แม้ว่าจะมีสนธิสัญญาหยุดยิงระหว่างสองชาติแล้วก็ตาม
กระทั้งวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศต่างส่งกำลังทหารเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าว ก่อนที่หนึ่งวันต่อมาประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน สั่งให้มีการเริ่มใช้กำลังทหารนอกดินแดนของ รัสเซีย และในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปูติน ประกาศสงครามกับ ยูเครน อย่างเป็นทางการ มีการยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองต่าง ๆ และส่งทหารรุกล้ำเข้ามายังเขตแดนประเทศ ยูเครน ซึ่งการต่อสู้ยังคงยาวนานกินเวลามาจนถึงปัจจุบัน
ผลกระทบด้าน ฟุตบอล
หลังจากการรุกรานเกิดขึ้น หลายองค์กรจากหลายประเทศต่างประนามการกระทำของ รัสเซีย อย่างหนัก เช่นเดียวกับวงการฟุตบอล ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ ฟีฟ่า ประกาศคว่ำบาตร รัสเซีย ด้วยการยกเลิกและสั่งห้ามไม่ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติใน รัสเซีย ย้ายการแข่งขันที่จำเป็นต้องลงแข่งใน รัสเซีย ให้มาเล่นในสนามกลาง รวมถึงห้ามใช้ชื่อประเทศ สัญลักษณ์ ธงชาติภายใต้สมาคมกีฬาใด ๆ จากประเทศรัสเซียทันที โดยจะมีมาตรการที่หนักขึ้นหากการรุกรานยังดำเนินต่อไป
“ขอย้ำอีกครั้งว่าเราประณามการใช้กำลังของ รัสเซีย ในการรุกราน ยูเครน ความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาใด ๆ และเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้น เราขอเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูสันติภาพอย่างเร่งด่วน รวมถึงต้องการให้มีการเจรจาในเชิงสร้างสรรค์” ฟีฟ่า แสดงจุดยืนต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
เวลาต่อมา วลาดิเมียร์ ปูติน ยังไม่มีทีท่าว่าจะถอนกำลัง ทำให้ ฟีฟ่า ได้หารือกับ 6 สมาพันธ์ฟุตบอล รวมถึงคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ในการกีดกัน รัสเซีย ออกจากการแข่งขันระดับนานาชาติทุกประเภทในปี 2022 และ 2023 นั่นทำให้ รัสเซีย ถูกตัดสิทธิจากการเพลย์ออฟเข้าสู่ ฟุตบอลโลก 2022 ทันที ส่งผลให้ โปแลนด์ คู่แข่งในการเพลย์ออฟจะได้สิทธิเข้าร่วมไปโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังรวมถึง ฟุตบอล ยูโร 2024 ที่พวกเขาก็จะหมดสิทธิร่วมเล่นในรอบคัดเลือกและนั่นหมายถึงจะพลาดการไปเล่นในรอบสุดท้ายโดยปริยาย
ไม่เพียงแค่ในระดับชาติเท่านั้น เพราะทั้ง ยูฟ่า รวมถึง IOC ก็ตกลงจะตัดสิทธิการเข้าร่วมการแข่งขันในทุกรายการทั้ง สโมสรจากรัสเซีย นักกีฬาจากรัสเซีย ตัวแทนระดับทีมชาติหรือระดับสโมสร โดยทั้งหมดจะถูกระงับสิทธิทันทีจนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม รัสเซีย ไม่เห็นด้วยกับการถูกสั่งแบนดังที่กล่าว จึงส่งคำอุทธรณ์โทษไปยัง ศาลกีฬาโลก (CAS) ก่อนที่ขั้นต้นจะมีการพิจารณาและปัดคำร้องดังกล่าวตกไป แต่กระบวนการขออุทธรณ์ยังคงมีการหารือ ศึกษาข้อมูลเพิ่ม กระทั่งเวลาต่อมา รัสเซีย ตัดสินใจถอนคำร้อง ทำให้การคว่ำบาตรยังคงดำเนินต่อไปตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งตามแผนคือมีการกีดกันเป็นเวลา 2 ปีในปี 2022 และ 2023 แต่หากความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป องค์กรต่าง ๆ ก็จะต้องมาหารือร่วมกันอีกครั้งและอาจมีการขยายขอบเขตการคว่ำบาตรออกไปอีกตามความเหมาะสม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันเรายังไม่สามารถแยกกีฬาออกจาก การเมือง เศรษฐกิจ ชาติพันธ์ หรือแม้แต่สงครามได้ ทำให้เมื่อมีประเด็นระหว่างประเทศเกิดขึ้น "กีฬา" ก็มันจะได้รับผลกระทบด้วยเสมอ ๆ ซึ่งหากมองอีกมุม แม้ผู้นำประเทศจะทำในสิ่งเลวร้าย แต่นักกีฬาที่ไม่ได้ทำความผิดอะไร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงคราม หรือบางคนอาจจะต่อต้านการกระทำของชาติตัวเองด้วยซ้ำ ต้องมาถูกร่างแหไปด้วยชนิดที่ตัวเองไม่มีสิทธิเลือก ไม่มีสิทธิตัดสินใจใด ๆ ทำได้เพียงต้องน้อมรับผลที่จะเกิดขึ้น มันก็น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน...
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด