[SEASON RATING] ตัดเกรดแข้ง ลิเวอร์พูล ตลอดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก 2019/20
จบสิ้นเสียที ! สำหรับ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/20 อันยาวนาน ที่ก่อนหน้านี้ช่วงล็อคดาวน์มีข่าวลือออกมามากมายถึงการที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษอาจประกาศ ยกเลิก, ตัดจบ, โมฆะ การแข่งขันในปีที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความหัวร้อนให้กับแฟน ๆ ลิเวอร์พูล ได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างกลับมารันต่อได้ แม้จะต้องยอมเสียสละบางสิ่ง อย่างเช่นการไร้ซึ่งผู้ชมในวันแห่งการเฉลิมฉลอง แต่นั้นก็จัดว่าพอทำใจรับได้ เพราะในที่สุด ทัพหงส์แดง ของ เยอร์เกน คล็อปป์ ก็สามารถประกาศศักดาชูถ้วยแชมป์ลีกอย่างยิ่งใหญ่ได้ในบั้นปลายของฤดูกาล
ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ต้องคงยกเครดิตเกือบทั้งหมดให้กับเหล่าขุนพล เดอะค็อป ที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ จนบรรลุเป้าหมายที่พวกเขารอคอยมาอย่างยาวนานถึง 30 ปีได้ ในวันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์และย้อนดูกันว่า นักเตะคนใดทำผลงานได้น่าพอใจหรือน่าผิดหวังกันบ้าง ตลอด 1 ปีเต็มที่ผ่านมา...
ผู้รักษาประตู
อลิสซอน เบ็คเกอร์ ยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องจากฤดูกาลก่อน แม้ว่าจะมีช่วงที่บาดเจ็บไปตอนต้นฤดูกาล แต่หลังจากกลับมา ฟอร์มของเขาก็ยังคงแน่นอนและไว้ใจได้เหมือนเดิม โดยเก็บได้ถึง 15 คลีนชีทและเสียไปเพียง 23 ประตูจาก 29 เกมที่นายด่านเลือดแซมบ้ารายนี้ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก – 7.5/10
ด้านตัวสำรองอย่าง อาเดรียน จัดว่าเป็นนายทวารที่โชคดีที่สุดคนหนึ่ง เพราะหลังจากย้ายมาร่วมทีมเพียงฤดูกาลเดียวเขาก็สามารถคว้าแชมป์ลีกร่วมกับทีมได้ทันที แต่แน่นอนเขาก็มีส่วนกับชัยชนะในครั้งนี้ ด้วยการต้องลงเฝาเสาในลีกแทนที่ อลิสซอน ถึง 11 นัดด้วยกัน แม้จะเก็บได้เพียง 2 คลีนชีท แต่ตลอด 11 เกมที่เขาลงสนามนั้น ทีมจบด้วยชัยชนะทั้งหมด – 6.5/10
กองหลัง
ขอเริ่มที่ตัวชูโรงอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่ปีนี้ยังคงยืนหนึ่งเป็นตัวหลักให้กับทีมทุกวินาทีตลอด 38 เกมในลีก แน่นอนว่าผลงานโดยรวมยังคงไว้ใจได้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่หากเทียบกับผลงานในฤดูกาลที่แล้วก็อาจจะดูดร็อปลงไปพอสมควร ด้วยการเก็บไป 15 คลีนชีทและเสียไปทั้งสิ้น 33 ประตู (20 คลีนชีท 22 ประตูในฤดูกาล 2018/19) แต่อย่างไรก็ตามฟอร์มในการทำประตูของเขาดูดีขึ้นจากการทำได้ถึง 5 ลูกในซีซั่นนี้ – 8.5/10
ต่อกันที่คู่หูอย่าง โจ โกเมซ ที่ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงมาตั้งแต่ โจเอล มาติป ได้รับบาดเจ็บไป แต่ต้องบอกว่ากองหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษรายนี้ดูจะยังเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาไม่ได้ เพราะตลอดซีซั่นที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเลยว่าเขายังไม่สามารถไว้วางใจได้ร้อยเปอร์เซนต์ และมักจะมีจังหวะความผิดพลาดส่วนตัว รวมถึงจังหวะเหวอ ๆ ให้เห็นกันอยู่เป็นระยะ ซึ่งนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่เกมรับของพวกเขาเสียประตูมากกว่าปีก่อนถึง 11 ลูกด้วยกัน – 6.5/10
มาดูที่แบ็คขวากันบ้าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ยังคงโชวฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับบทบาทตัวริมเส้นที่เน้นเติมเกมบุกตามสไตล์ เยอร์เกน คล็อปป์ ที่นอกจากการวางบอลอันแม่นยำจากริมเส้นแล้ว ลูกฟรีคิกดูเหมือนจะเป็นทีเด็ดใหม่ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้อีกต่างหาก นั่นจึงทำให้ผลงานโดยรวมของ เทรนต์ ดูดีขึ้นกว่าปีก่อน ด้วยการทำไปถึง 4 ประตูกับอีก 15 แอสซิสต์ นับว่าเป็นนักเตะที่จ่ายให้เพื่อนทำประตูมากที่สุดเป็นอันดับสองในฤดูกาลนี้รองจาก เควิน เดอ บรอยน์ เพียงรายเดียวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหนุ่มน้อยวัย 21 ปีรายนี้ดูจะยังมีข้อเสียอยู่บ้างในเกมรับที่มักจะเติมขึ้นสูงจนหลุดตำแหน่งในการป้องกันไป – 9/10
ส่วนแบ็คซ้ายยังคงเป็น แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่ยังประจำการเป็นตัวหลักให้กับทีมในฤดูกาลนี้ ซึ่งนอกจากเท้าชั่งทองและการเต็มเกมรุกสุดมันของเขาที่มีอยู่เป็นทุนเดิมแล้วนั้น ในฤดูกาลนี้ดูเจ้าตัวจะเพิ่มเติมในส่วนของความดุดันรวมถึงดูจะมีลูกเล่นมากขึ้นกว่าปีก่อน ๆ หรือจะเรียกในทำนองว่าดูจะเก๋าเกมมากขึ้นก็คงจะไม่ผิด โรเบิร์ตสัน ทำไปได้ 2 ประตู และแอสซิสต์ไปอีกถึง 12 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในฤดูกาลนี้เลยทีเดียว – 8.5/10
ด้าน โจเอล มาติป ปีนี้มีบทบาทกับทีมน้อยมากเนื่อจากมีอาการบาดเจ็บต้องพักยาวไปตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล เช่นเดียวกับ เดยัน ลอฟเรน ที่ส่วนมากต้องตกตัวสำรองของทีมไปในฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตามทีมก็พอจะมีดาวรุ่งดวงใหม่ฉายแววขึ้นมานั่นคือ เนโก วิลเลียมส์ แบ็คขวาวัย 19 ปีที่เดิมจะได้ลงเล่นในฟุตบอลถ้วย แต่หลังจากทีมการันตีแชมป์ลีก คล็อปป์ ก็เริ่มให้โอกาสหนุ่มน้อยรายนี้ได้ลงสัมผัสสนามมากขึ้น ซึ่งภาพรวมก็ถือว่าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว กล้าเล่น กล้าเลี้ยง ดูแล้วน่าจะมีอนาคตกับทีมหากสามารถพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้ – 5.5/10 สำหรับทั้ง 3 คน
กองกลาง
เริ่มกันที่ตัวรับอย่าง ฟาบินโญ ที่ยังคงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้คุมจังหวะเกมในแดนกลางตัวหลักของทีม แม้จะมีปัญหาบาดเจ็บไปพักใหญ่ช่วงกลางฤดูกาล แต่หลังจากนั้นก็สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่ดูเจ้าตัวจะพัฒนาขึ้นในปีนี้คือเกมรุกที่สามารถวางบอลยาวและมักจะมีจังหวะจ่ายทะลุช่องสวย ๆ ให้เห็น รวมถึงจังหวะยิงไกลจากแถวสองด้วยเช่นกัน – 8/10
ต่อกันที่ จินี ไวจ์นัลดุม ที่ยังคงรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นที่ดีเอาไว้ได้จากฤดูกาลก่อน ด้วยบทบาทด้วยเชื่อมเกมจากกลางไปหน้าโดยภาพรวมแล้วจัดว่าทำได้ดี แต่ก็ยังมีบางนัดที่บทบาทกับเกมดูจะค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามซีซั่นนี้เจ้าตัวทำไปได้ 4 ประตูและก็มักจะเป็นประตูสำคัญ ๆ ช่วยทีมพลิกสถานการณ์ในเกมนั้น ๆ ได้ – 7.5/10
และก็มาถึงกัปตันทีมอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ต้องบอกว่าฟอร์มการเล่นของเขาในปีนี้ดูโดดเด่นขึ้นกว่าปีก่อน ทั้งการตัดสินใจ ความเป็นผู้นำ รวมถึงการคุมเกมในแดนกลาง จนได้รับคำชมอย่างล้นหลามตลอดทั้งซีซั่น แถมยังเป็นหนึ่งตัวเต็งในการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้อีกด้วย ซึ่งในปีนี้ เฮนโด้ ทำไปทั้งสิ้น 4 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ตลอด 30 นัดที่ลงสนามในเกมลีก – 8.5/10
อเล็กซ์ อ็ออกเหลด แชมเบอร์เลน ก็จัดว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่ถือว่าเป็นกำลังหลักของทีมในฤดูกาลนี้ แม้จะไม่ได้ลงเล่นตัวจริงอย่างต่อเนื่องก็ตาม ฟอร์มโดยรวมในซีซั่นที่ผ่านมาของแข็งอเนกประสงค์รายนี้ยังดูไม่แน่นอนเท่าใดนัก มีทั้งช่วงที่ผลงานโดดเด่นและช่วงที่เงียบหายสลับกันไป แต่อย่างไรซะเจ้าตัวก็จัดเป็นส่วนเติมเต็มชั้นยอดเพราะสามารถลงเล่นได้แทบทุกตำแหน่งในเกมรุกเลยทีเดียว – 7/10
นาบี เกอิต้า ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดแทบจะทั้งฤดูกาลจนกระทั่งพึ่งจะฟิตเต็มร้อมในช่วงท้ายที่ฟุตบอลกลับมาลงแข่งเกมตกค้างกันใหม่ แต่กระนั้นฟอร์มโดยรวมของเขาจัดว่าน่าสนใจเลยทีเดียว ด้วยการเล่นได้ค่อนข้างโดดเด่นในแดนกลาง ขยับหาพื้นที่ว่างได้ดี รวมถึงการรับส่งบอลที่ค่อนข้างแม่นยำ ดูไปแล้วเจ้าตัวมีโอกาสสอดแทรกขึ้นมาแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมฤดูกาลหน้าได้อย่างแน่นอน – 6.5/10
เจมส์ มิลเนอร์ นักเตะอเนกประสงค์อีกหนึ่งราย จัดว่าเป็นอะใหล่ชั้นเยื่อมให้กับทีมในฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับ เคอร์ติส โจนส์ ดาวรุ่งที่สามารถเล่นได้ทั้งกลางสนามและตัวรุก ดูจะเริ่มมีบทบาทกับทีมมากขึ้นในปีนี้ – 6/10
ส่วน อดัมส์ ลัลลานา แทบจะไม่มีบทบาทกับทีมเท่าใดนักในซีซั่นนี้ จนกระทั่งหมดสัญญาและย้ายออกจากทีมไป – 5.5/10
กองหน้า
โม ซาลาห์ ปีนี้ทำไปทั้งสิ้น 19 ประตูกับอีก 10 แอสซิสต์ แม้ว่าผลงานโดยรวมของหัวหอกชาวอียิปต์ที่ดูดรอปลงไปกว่า 2 ฤดูกาลก่อนนับตั้งแต่ย้ายมา แต่นั้นก็จัดว่าเพียงพอที่พาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาครองได้ ส่วนฟอร์มในสนามของเขายังคงไว้ใจได้เหมือนเดิมกับบทบาทการเป็นตัวความหวังสูงสุดในการผลิตสกอร์ให้กับทีมในฤดูกาลนี้ – 8.5/10
ด้าน ซาดิโอ มาเน ก็ใกล้เคียงกับ ซาลาห์ โดยฟอร์มของหัวหอกชาวเซเนกัลยังดูดีไม่เท่าปีก่อน ซึ่งซีซั่นนี้ มาเน ทำไปทั้งสิ้น 18 ประตูกับอีก 10 แอสซิสต์ด้วยกัน แน่นอนว่าภาพรวมเขายังคงจัดว่าเป็นความหวังสูงสุดอีกหนึ่งคนในการถล่มประตูคู่แข่ง แต่หากพูดถึงดีกรีความร้อนแรงนั้น ดูจะยังเทียบไม่ได้กับฤดูกาลที่แล้วที่เจ้าตัวสามารถระเบิดฟอร์มสุดยอดชนิดที่ไร้ที่ติออกมาให้แฟน ๆ หงส์แดง ได้ชมกัน – 8.5/10
โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน เป็นอีกหนึ่งคนที่ลงสนามให้กับทีมใน พรีเมียร์ลีก ครบทุกเกม แต่ต้องบอกว่าปีนี้ไม่ใช่ปีที่ดีของเขาเอาเสียเลยในด้านฟอร์มการเล่น โดยเฉพาะการจบสกอร์ที่ยิงได้เพียง 9 ประตูในลีก น้อยที่สุดนับตั้งแต่เจ้าตัวย้ายมาในปี 2015 แต่อย่างไรก็ตามบทบาทการสร้างสรรค์เกมรุกยังเป็นจุดเด่นของหัวหอกชาวบราซิลรายนี้ แม้ว่าปีนี้จะดูเงียบลงไปบ้างก็ตาม – 7.5/10
ส่วน ดิวอค โอริกี้ ยังคงต้องรับบทซุเปอร์ซัพอีกเช่นเคยเหมือนกับปีก่อน ๆ ซึ่งซีซั่นนี้ทำไปได้ 4 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์ในลีก โดยภาพรวมในฤดูกาลนี้ก็ยังคงไม่สามารถสร้างอิมแพคกับเกมได้มากนัก จนเริ่มมีข่าวการถูกปล่อยตัวออกจากทีมอยู่บ้างในช่วงท้ายฤดูกาล – 6/10
ทาคุมิ มินามิโนะ ตัวรุกชาวญีปุ่นที่พึ่งจะย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บทบาทกับทีมยังดูค่อนข้างน้อย ซึ่งน่าจะต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบการเล่นอีกพอสมควรในฤดูกาลต่อไป – 5.5/10
สำหรับ เซอร์ดาน ชากิรี ต้องบอกว่าแทบไม่มีส่วนร่วมกับทีมเลยโดยเฉพาะในเกมลีกฤดูกาลนี้ แถมยังมีข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว – 5/10
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด