เซร์คิโอ รามอส vs โมฮาเหม็ด ซาลาห์: ย้อนรอยดราม่านัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนรีแมตช์
โดย โตมร นวลประเสริฐ
อุบัติเหตุหรือเกิดจากความตั้งใจ? โหดร้ายทารุณหรือเป็นผู้บริสุทธิ์? เตรียมการไว้แล้วหรือเป็นแค่เหตุบังเอิญ?
ทั้งหมดด้านบนเป็นคำถามนนิรันดร์เมื่อย้อนนึกถึงการเข้าสกัดของ เซร์คิโอ รามอส ใส่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2018 ระหว่าง เรอัล มาดริด พบ ลิเวอร์พูล
ในช่วงเวลานั้น ซาลาห์ เป็นแข้งระดับปรอทแตก ร้อนแรงที่สุดของโลก เขาคือเครื่องจักรแห่งการทำประตูทั้งในยุโรปและรายการภายในประเทศ ซีซันดังกล่าวยังเป็นฤดูกาลเขามีผลงานที่ดีที่สุดจนถึงเวลานี้นับตั้งแต่เทิร์นโปร เดบิวต์ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพตั้งแต่ปี 2009 ที่สถิติ 44 ประตูจาก 52 นัดเมื่อรวมทุกรายการ
ก่อนที่เกมนัดชิงฯ ใน เคียฟ ประเทศยูเครน จะเริ่มต้นขึ้น สายตาของเหล่าแฟนบอล นักวิเคราะห์ทั้งปวงต่างจับจ้องไปที่การดวลกันระหว่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่สตาร์ชาว โปรตุเกส ตะบันประตูไปทั้งหมด 44 ลูกเท่ากันกับ ซาลาห์ จนถึงเวลาดังกล่าว
แต่ในขณะที่สกอร์ยังเป็น 0-0 ค่ำคืนใน เคียฟ ของ ซาลาห์ ต้องสิ้นสุดลงเมื่อเขาล้มลงหลังถูก รามอส เข้าปะทะ และกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด หลังเกมผ่านเพียงราวครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
จังหวะดังกล่าวต่อเนื่องมาจากการทะยานพาบอลไปด้วยตนเองของ ซาลาห์ ในแดน เรอัล มาดริด กลายเป็น รามอส ที่เข้ามาเบียดปะทะพร้อมกับท่อนแขนที่หนีบเอาแขนของ ซาลาห์ ไปด้วยจนเสียการทรงตัวล้มลง คีย์แมน หงส์แดง ต้องถูกหามออกจากสนามเพื่อปฐมพยาบาล กระทั่งถูก เยอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนตัวออกจากสนามเมื่อไม่สามารถเล่นต่อไหวในที่สุด
ซาลาห์ ก้มหน้าเดินเข้าสู่อุโมงค์ห้องแต่งตัวพร้อมกับน้ำตา อาการเจ็บของเจ้าตัวถูกเผยว่าเป็นอาการไหล่หลุด ขณะที่ ฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย รออยู่ในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น
พลพรรค โลสบลังโกส กลายเป็นผู้ชนะในเกมดังกล่าวด้วยสกอร์ 3-1 นับเป็นการคว้าโทรฟี บิ๊กเอียร์ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันของพวกเขา โดยมีตัวแปรสำคัญจากความผิดพลาดของ ลอริส คาริอุส 2 ครา บวกกับความยอดเยี่ยมของ แกเร็ธ เบล จากประตูด้วยลูกจักรยานอากาศ
ฝั่ง เดอะค็อป ได้เพียงแต่จินตนาการถึงโลกคู่ขนานที่หากยังมี ซาลาห์ อยู่ในสนามตลอด 90 นาที มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คำถามถึง อุบัติเหตุหรือเกิดจากความตั้งใจ? โหดร้ายทารุณหรือเป็นผู้บริสุทธิ์? เตรียมการไว้แล้วหรือเป็นแค่เหตุบังเอิญ? ถูกโยนจากนักข่าวใส่ รามอส
มีเพียงเจ้าตัวคนเดียวเท่านั้นที่คำตอบสำหรับคำถามดังกล่าว
"นี่มันบ้าไปแล้ว พวกเขาใส่ใจกับเรื่องนี้เอามากๆ เรื่องของ ซาลาห์ น่ะ" รามอส กล่าวตอบสื่ออย่าง อาส ใน สเปน "ผมไม่อยากที่จะเอ่ยถึงมันเลยเพราะทุกอย่างจะถูกขยายความออกไปอีก"
"ผมเห็นจังหวะนั้นเป็นอย่างดี เป็นเขาที่คว้าแขนของผมก่อนด้วยซ้ำและล้มไปอีกทาง เขาเจ็บที่แขนอีกข้างแต่กลายเป็นว่าพวกเขาบอกว่าผมใช้ท่ายูโดล็อคแขนเขาเสียอย่างนั้น"
"พอผมได้ยินผู้รักษาประตูสั่งการ ผมก็แค่เข้าไปบีบพื้นที่ใส่เขาก็เท่านั้น ผมคิดว่าสิ่งที่ยังไม่ถูกวิจารณ์แบบนี้คือการที่ ฟิร์มิโน ต้องเป็นไข้หวัดเพราะถูกเหงื่อผมกระเด็นใส่ล่ะมั้ง"
เหตุการณ์ดูเหมือนว่าจะคลี่คลายหลังจากนั้น
แต่ 4 ปีให้หลัง ซาลาห์ มีท่าทีกระตือรือล้นจะล้างแค้นอย่างเห็นได้ชัดจากเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งยังคงฝั่งอยู่ในจิตใจของเจ้าตัวแม้ว่า รามอส จะบอกลา ราชันชุดขาว ซบตัก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปแล้วตั้งแต่ซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็ตาม
"ผมคิดว่ามันได้เวลาที่เราจะแก้แค้น" ซาลาห์ ระบุในการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน
เตรียมป็อปคอร์นของคุณให้พร้อมได้แล้ว