Squad & Rotation กับปัญหาใหญ่ที่อาจทำให้ อาร์เซนอล "ล้มเหลว" ในฤดูกาลนี้ - FEATURE

อาร์เซนอล ยังคงอยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ ลีก เป็นปีที่สองติดต่อกัน หลังการกลับมารั้งบัลลังก์จ่าฝูงเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตามนักเตะปืนใหญ่ก็เริ่มถูกมองถึงปัญหา “อาการเหนื่อยล้า” อย่างชัดเจนกับการกรำศึกมานาน มันเป็นเช่นนั้นหรือไม่ วันนี้เรามีข้อมูลมาให้อ่านกัน

บทความนี้ผู้เขียนลองหาข้อมูลการลงเล่นของทีมในปีนี้มาลองแตกให้ดูกันเป็นเกร็ดข้อมูลเพิ่มเติมกันเป็นการเขียนเพื่อ “Re-check” ข้อมูล และความคิดของตนเองว่ามันมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ในเรื่องนี้

นับกันที่ถึงเกมกับ “หมาป่า” เมื่อวานนี้ 20 เมษายน 2024 อาร์เซนอล ลงเล่นไปแล้วทั้งหมด 47 เกมในทุกรายการ (รวมเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์) ปีนี้อาร์เซนอลจะจบฤดูกาลด้วยการมีเกมลงเล่นทั้งหมด 52 เกม

• วิลเลี่ยม ซาลิบา เป็นคนเดียวที่ลงเล่น “ตัวจริง” ทุกเกมในพรีเมียร์ ลีก แชมเปี้ยนส์ ลีก เอฟเอ คัพ และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ พลาดแค่สองเกมในคาราบาว คัพ เท่านั้น ลงเล่นไปแล้ว 45 จาก 47 เกม

• ดีแคลน ไรซ์ ลงเล่นมากกว่า ซาลิบา หนึ่งเกม แต่มีบางเกมลงมาในฐานะตัวสำรอง นับเฉพาะเกมโดยรวม เจ้าตัวลงเล่นถึง 46 (ตัวจริง 43 สำรอง 3) จาก 47 เกม มากที่สุดในทีม ร่วมกับ เบน ไวท์ (ตัวจริง 41 สำรอง 5) และ ไค ฮาแวตซ์ (ตัวจริง 38 สำรอง 8 เกม)

• นอกจากนี้ยังมีชื่อของ มาร์ติน เออเดการ์ด (40+3), บูคาโย่ ซาก้า (42+1) และ กาเบรียล มากัญเยส (43+2) ที่กลุ่มนี้ลงเล่นรวมแล้วผ่านหลัก 40 เกมไปแล้วเช่นกันเท่ากับมีนักเตะ 7 คน ลงเล่นประมาณ 95 % ของจำนวนเกมทั้งหมด

กลุ่มต่อมาคือกลุ่มที่ลงเล่นเยอะแต่น้อยกว่า 40 เกม โดยขอแบ่งเป็นกลุ่มนี้เป็น

สามกลุ่มย่อยประกอบไปด้วย

กลุ่มลงเล่นตัวจริงมากกว่าหรือเท่ากับ 20 เกม กลุ่มนี้บางคนเป็นตัวหลัก บางคนเป็นตัวโรเตชั่นทางเลือกแรกของทีม

• ดาบิด ราย่า (36) ย้ายมาตอนแรกมานั่งสำรองก่อนเป็นมือหนึ่งถาวร

• กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (30+9)

• โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ (24+9)

• กาเบรียล เชซุส (21+11)

• เลอันโดร ทรอตซาร์ (20+21)

กลุ่มลงเล่นตัวจริงน้อยกว่า 20 เกม กลุ่มนี้บางคนเป็นตัวโรเตชั่นทางเลือกแรก และทางเลือกรองในตำแหน่งของตนเอง

• จอร์จินโญ่ (19+15)

• ยาคุบ คิวิออร์ (18+10)

• เอ็ดดี้ เอนเคเธีย (13+24)

• ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ (11+14)

• อารอน แรมสเดล (11)

กลุ่มลงเล่นตัวจริงน้อยกว่า 10 เกม กลุ่มนี้คือสำรองของสำรองในฤดูกาลนี้ ยกเว้น ทิมเบอร์ ที่บาดเจ็บยาวไปตั้งแต่ต้นฤดูกาล

• รีส เนลสัน (5+18)

• โธมัส ปาเตย์ (5+6)

• เอมิล สมิธ​ โรว์ (4+14)

• ฟาบิโอ วิเอร่า (3+12)

• ยูเรี่ยน ทิมเบอร์ (2)

• โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ (1+5)

• เซดริก โซอาเรส (1+4)

หากมองกันที่ปัญหาที่ผู้เขียนกล่าวเกี่ยวกับการโรเตชั่นผู้เล่นไม่มากพอของอาร์เซนอล จากข้อมูลที่ออกมาหากมองกันเป็นในส่วนของตำแหน่ง

ตัดในส่วนของ ดาบิด ราย่า และ อารอน แรมสเดล ในตำแหน่งนายทวารออก ยังมีตำแหน่งสองนักเตะกองหลังตัวกลาง / กองกลางตัวรุกหนึ่งคน / กลางตัวรับ หรือ Box to Box หนึ่งคน /  ปีกขวาหนึ่งคน และ แบ็คขวาหนึ่งคน เป็นตัวยืนของทีมเท่ากับมี 7 คน (รวมโกล์) จาก 11 คนที่มีเจ้าของตำแหน่งอยู่แล้ว ที่เหลือคือพื้นที่ของการแย่งชิง ประมาณ 4 ตำแหน่ง โดยตามสถิติแล้ว ไค ฮาแวตซ์ มักจะมีที่ยืนบ่อยที่สุดในทีมนอกจากกลุ่มด้านบนจากจำนวนเกมที่ลงเล่นรวม 46 เกม (38+8) เพราะลงเล่นได้หลายตำแหน่งทั้งกองกลาง หรือว่าเล่นเป็น False 9

ดังนั้นก็จะเหลืออีก 3 คน 4 พื้นที่ภายในทีมตัวจริงคือ ปีกซ้าย – แบ็คซ้าย และ กองหน้าตัวเป้า / กองกลาง (ขึ้นกับว่า ฮาแวตซ์ จะถูกส่งลงตรงไหนในแต่ละเกม) ซึ่ง 3 คนที่เหลือก็แย่งกันอีก 7-8 คนเพื่อสามที่นั่งที่ว่างอยู่

ปัญหาคือเรื่องของกลุ่มที่สาม ที่ลงเล่นตัวจริงน้อยกว่า 10 เกมจะเห็นได้ว่ามีนักเตะถึง 7 คนที่อยู่ข่ายนี้ ยิ่งหากเจาะลงเป็น 11 ตัวจริงด้วยแล้วบางคนลงเพียงเกมเดียวเท่านั้น นี่คือกลุ่มที่ทีมไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้อย่างเต็มที่ จะด้วยเกิดจากตัวผู้เล่นเอง (บาดเจ็บ / ฟอร์มตก) หรือจะเกิดจากการตัดสินใจเลือกทีมของ มิเคล อาร์เตต้า ที่ไม่ได้มองว่าพวกเขาอยู่ในสถานะที่ดีพอจะได้รับโอกาสลงเล่นก็ตาม แต่มันก็คือ 30 % โดยประมาณของทีมที่ไม่ถูกหยิบขึ้นมาใช้ในการนำมาเป็นตัวหมุนเวียนทีมที่มากพอ และส่งผลต่อการทำให้ นักเตะ หลักของทีมเกิดอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ 2020-2021 จนมาถึงวันนี้ อาร์เซนอล ก็ยังคงแก้ไขปัญหานี้ไม่เสร็จสิ้น

เรื่องนี้นับเป็นปัญหาที่อยู่ในขั้นตอนของการแก้ไขกันต่อไป ในการยกระดับทีมให้มีคุณภาพในการแข่งขันเชิงลึกให้มากกว่านี้ เมื่อการซื้อขายรอบต่อไปเกิดขึ้น ทีมจะมีความแข็งแกร่งมากกว่านี้แน่นอน

“เก่าไป ใหม่มา และทีมต้องดียิ่งกว่าเดิม”

อย่างไรก็ตาม...

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – ลิเวอร์พูล และอีกหลายทีมก็ใช้ผู้เล่นหลัก ๆ ประมาณเดียวกับอาร์เซนอล ทั้งสองทีมใช้นักเตะประมาณ 20 คนในการลงเล่นตลอดฤดูกาลเช่นกัน โดยเฉพาะ “เรือใบสีฟ้า” ลงเล่นโดยใช้นักเตะประมาณ 21 คน ใน 6 รายการแข่งขันของฤดูกาลนี้ (รวมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ และชิงแชมป์สโมสรโลก) เพียงแต่ว่าสิ่งที่ต่างกันคือการกระจายเวลาในสนามให้กับนักเตะ  

ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงอาร์เซนอลเท่านั้นที่เจอ ทุกทีมเจอกับปัญหาเหล่านี้ทั้งหมด ขึ้นกับว่าทีมไหนจะบริหารบุคลากรได้ดีแค่ไหน และบุคลากรมีคุณภาพมากเพียงพอไหม และที่สำคัญ โค้ชจะแจกจ่ายโอกาสให้ทั่วถึงมากน้อยแค่ไหน

มองเพียง 7 คนของอาร์เซนอลที่ลงเล่นน้อยกว่า 10 เกม แบบเจาะลึกลงไป นักเตะกลุ่มนี้มี 2 คนที่จะหมดสัญญากันหลังจบฤดูกาลนี้คือ เอลเนนี่ และ เซดริก ซึ่งแน่นอนหมดอนาคตไปนานแล้ว และทีมก็ไม่เรียกใช้งานพวกเขาด้วย ยิ่งทำให้ตัวโรเตชั่นหายไปเปล่าๆ 2 คน รวมกับ ยูเรี่ยน ทิมเบอร์ อีก 1 คน ที่พักยาวจนตอนนี้กลับมาได้แล้วแต่ยังไม่รู้จะได้โอกาสไหมอีก 1 เท่ากับ เสียโควต้าไป 3 คนที่จะหมุนเวียนทีม

อีก 4 คนที่เหลือในช่วงเดือนมีนาคม – 20 เมษายน 2024

• โธมัส ปาเตย์ เป็นคนเดียวในกลุ่มนี้ที่มีส่วนร่วมกับเกมเยอะที่สุด เป็นตัวจริงไป 1 เกม สำรองอีก 4 เกม

• ฟาบิโอ วิเอร่า กลับมาจากอาการบาดเจ็บตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเวลานี้ลงเล่นไป 46 นาทีตลอดสองเดือนที่ผ่านมา

• เอมิล สมิธ โรว์ ดูจะดีกว่า วิเอร่า เพราะตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นมาได้เล่นไป 96 นาที หนึ่งตัวจริง หนึ่งสำรอง แต่นั่นคือร่วมสองเดือนของเขากับทีมที่ไม่มีอาการบาดเจ็บใด ๆ

• รีส เนลสัน ใกล้เคียงกับ ESR ลงเล่นไป 86 นาที หนึ่งตัวจริง หนึ่งสำรอง ในช่วงร่วมสองเดือนที่ผ่านมา

นี่คือข้อมูลตัวเลขที่ออกมา และมันน่าสนใจว่า อาร์เซนอล ของ มิเคล อาร์เตต้า จะปรับปรุงและจัดการในเรื่องนี้อย่างไร เมื่อตอนนี้สุดท้ายแล้ว ทีมใช้ผู้เล่นประมาณ 17-18 คนเป็นหลักในปีนี้ และมีอีก 4 คนที่รอโอกาสของกลุ่มคนเหล่านั้นอีกต่อ ขณะที่อีก 3 คนเหมือนเสียโควตาไปเปล่าๆ อยู่แล้ว ในฤดูกาลหน้าพวกเขาจะปรับ Squad Depth กันอย่างไร เพื่อให้เกิดทั้งความสมดุลของจำนวน – คุณภาพในเชิงลึกของทีม และแน่นอนผลงานของทีมเป็นไปตามเป้าหมายอย่างที่ต้องการ

งานนี้เป็นเรื่องของการบริหารบุคลากร และการประเมินความเสี่ยง ควบคู่กันไป และไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขกันได้ง่าย ๆ แต่ทีมก็เดินเรื่องมาได้ดีแล้วแต่ก็ยังต้องปรับปรุงและแก้ไขกันต่อไป เพราะเรื่องนี้มีผลต่อเรื่องของการขายผู้เล่นด้วยโดยตรงอีกด้วย

ไว้โอกาสหน้าคงได้มาเขียนให้อ่านกันใหม่ครับ