ทีมชาติไทย 2 - 2 อินโดนีเซีย : แชมป์อาเซียนสมัยที่ 6 ที่ไร้เทียมทาน
โดย W.PINTHONG
การแข่งขัน : เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง
วันแข่งขัน : วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2022
เวลาแข่งขัน : 19.30 น.
คู่แข่งขัน : ทีมชาติไทย 2 - 2 อินโดนีเซีย (สกอร์รวม 2 นัด ไทย ชนะ 6-2)
สนาม : Singapore National Stadium
นัดสุดท้ายของศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง เจ้าของแชมป์รายการนี้ 5 สมัย คือ 1996, 2000, 2002, 2014, 2016 อย่างทีมชาติไทย จัด 11 ผู้เล่นตัวจริง ด้วยระบบ 4-4-2 แบบไดม่อนส์ วาง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เป็นผู้รักษาประตู แบ็คซ้ายใช้ ธีราทร บุญมาทัน ที่พ้นโทษฉบนกลับมา ส่วนฝั่งขวาเป็นหน้าที่ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม
เซนเตอร์ฮาล์ฟใช้ ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ คู่กับ กฤษดา กาแมน กองกลางตัวรับใช้ สารัช อยู่เย็น ปีกซ้ายเป็น บดินทร์ ผาลา ฟากขวาใช้ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร กองกลางตัวรุกเป็นหน้าที่ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่สวมปลอกแขนกัปตันทีม โดย ธีรศิลป์ แดงดา เป็นหัวหอกคู่กับ สุภโชต สารชาติ
เปิดฉากครึ่งแรก น.3 บดินทร์ ผาลา แปะ ธีราทร บุญมาทัน ยิงแต่ไปติดบล็อกแนวรับอิเหนา น.6 ริคกี้ กัมบูย่า กดจากหน้าเขตโทษส่งบอลเลียดเข้าไปปากประตู แต่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน รับบอลกระฉอก ทำให้บอลเข้าไป ช่วยให้ อินโดนีเซีย นำ 1-0 สกอร์รวมตามทีมชาติไทย 1-4 น.8 ธีรศิลป์ แดงดา ยิง 2 จังหวะในเขตโทษ โดนนายด่านของ อินโดนีเซีย ปัดออกไป
น.40 ธีราทร บุญมาทัน เปิดบอลจากซ้ายไปให้ ธีรศิลป์ แดงดา ขึ้นโหม่ง บอลไปแฉลบแนวรับอินโดนีเซีย ออกหลังไป น.42 บดินทร์ ผาลา โดนเสียบหนัก แต่ว่าผู้ตัดสินกลับไม่ว่าอะไร หลังจากนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น หมดครึ่งแรกกองทัพ "อิเหนา" ขึ้นนำ ทีมชาติไทย 1-0 สกอร์รวมสองนัดยังตามทีมชาติไทย 1-4
ครึ่งหบังทีมชาติไทย ส่ง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กับ อดิศักดิ์ ไกรษร มาแทน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ และ ธีรศิลป์ แดงดา น.47 พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล ปสาดบอลจากเสาแรกไปที่เสาสอง หวังให้ สุภโชค สารชาติ เข้าชาร์จ แต่โดนนายด่าน อินโดนีเซีย รับบอลไว้ได้
น.54 บดินทร์ ผาลา ยิงจังหวะแรก นายด่านอิเหนาปัดบอลออกไปไม่ดี อดิศักดิ์ ไกรษร ยิงแบบไม่ต้องจับส่งบอลเข้าไป ทำให้ตีเสมอ 1-1 สกอร์รวม ไทย นำ 5-1 และ น.56 สารัช อยู่เย็น ยิงไกลส่งบอลแฉลบแข้งอิเหนา ทำให้ ทีมชาติไทย พลิกนำ 2-1 สกอร์รวมหนีไปเป็น 6-1
น.80 เอกี้ มาอูลานา ยิงด้วยซ้ายจากเขตโทษฝั่งซ้าย ส่งบอลเข้าไป ทำให้ อินโดนีเซีย ตีเสมอ 2-2 สกอร์รวมตามมาเป็น 2-6 น.85 เจนภพ โพธิ์ขี ลงไปแทน สารัช อยู่เย็น ที่บาดเจ็บ ก่อนจบเกมเสมอ 2-2 ทำให้ ทีมชาติไทย คว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะสกอร์รวม 2 นัด 6-2 กลายเป็นสมัยที่ 6 ของ "ช้างศึก" ต่อจากปี 1996, 2000, 2002, 2014, 2016
นอกจากนี้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยังคว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยม ประจำทัวร์นาเมนต์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ซึ่งเป็น 3 สมัยติดต่อกันของเขาในการมาเล่นถ้วยนี้ ต่อจาก ปี 2014, 2016 หลังจาก ปี 2018 เขาเองได้รับบาดเจ็บ จนไม่ได้มาเล่นในปีดังกล่าว และยังได้รางวัลดาวซัลโวร่วมกับ ธีรศิลป์ แดงดา ในการยิงไป 4 ประตู โดย "ข้างศึก" จะได้อัดฉีดรวมทั้งหมด 46 ล้านบาท
คะแนนนักเตะ ทีมชาติไทย
11 ผู้เล่นตัวจริง : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (7), กฤษดา กาแมน (7), ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ (7), ธีราทร บุญมาทัน (8), นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (7), สารัช อยู่เย็น (7), ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร (7), บดินทร์ ผาลา (8), สุภโชค สารชาติ (7), ชนาธิป สรงกระสินธ์ (9), ธีรศิลป์ แดงดา (7)
ตัวสำรอง : พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล (7), วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ( 7), อดิศักดิ์ ไกรษร (7), ฟิลิป โรลเลอร์ (6), เจนภพ โพธิ์ขี (6)
คีย์แมน - ชนาธิป สรงกระสินธ์
สุดยอดของกัปตันทีมในเวลานี้ สำหรับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ไม่มีการตอบโต้ใดใด เล่นตามเกม อารมณ์ไม่ร้อน ทั้งหมดทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ด้วยผลงาน 4 ประตู จากการลงเล่น 6 เกม
ปี 2014, 2016 เขาจารึกในประวัติศาสตร์คนแรก เป็นนักเตะยอดเยี่ยม 2 สมัยติดต่อกัน แต่ปี 2018 เขาไม่ได้มาเล่น ฉะนั้นการได้รางวัลดังกล่าวก็เหมาะสมกับดาวเตะจาก คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เหลือเกิน
ประเด็นหลังเกม
ใน 45 นาทีแรก ยอมรับแบบตามตรงว่า แท็กติกสู้ทาง อินโดนีเซีย ไม่ได้เลย เพราะว่าพวกเขามาเล่นแบบอัดหนัก จัดหนัก จัดเต็มทุกดดอก แต่ต้องชมว่าสมาธิของแข้ง "ช้างศึก"ยอดเยี่ยมเอามาก ก่อนที่จะตามหลังไป 0-1 แต่ถือว่าพวกเขาไม่ได้มีความสียขวัญอันใด
ต้องชมในครึ่งหลังที่กล้าส่ง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กับ อดิศักดิ์ ไกรษร มาแทน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ และ ธีรศิลป์ แดงดา และก็มาได้ประตูแซงนำ 2-1 ภายใน 2 นาที ทำให้เกมของทีมชาติไทย เล่นง่ายขึ้นกว่าเดิม จนคว้าแชมป์สมัยที่ 6 มาครอง