จัดอันดับมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดตลอดกาล - RANKED

  • มิดฟิลด์ตัวรับเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก ๆ ในทีมฟุตบอล แต่กลับไม่ค่อยมีคนมองเห็น
  • ฝรั่งเศส เป็นชาติที่ผลิตมิดฟิลด์ตัวรับระดับโลกออกมาได้ทุกยุคทุกสมัย
  • โคล้ด มาเกเลเล่ ขึ้นชื่อว่าเป็นมาตรฐานของ มิดฟิลด์ตัวรับ ที่ทุกคนออกไปให้ถึง
France v Brazil - The FIFA World Cup 2006
France v Brazil - The FIFA World Cup 2006 / Simon M Bruty/GettyImages
facebooktwitterreddit

แน่นอนว่าเมื่อนักเตะเยาวชนคนหนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งต่าง ๆ ก็มักจะถูกคัดเลือกจากความสามารถในการทำสิ่งนั้น ๆ ได้ดีที่สุด เช่น กองกลางก็ต้องรู้จักอ่านจังหวะและจ่ายบอลสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนได้อย่างเฉียบคม ส่วนกองหลังก็ต้องมีไหวพริบในการเข้าสกัดบอลได้ถูกจังหวะและแม่นยำ

แต่จะมีอะไรยากไปกว่าการต้องทำสองอย่างที่กล่าวมาให้ดีไปพร้อม ๆ กันเหมือนที่ผู้เล่นตำแหน่ง "มิดฟิลด์ตัวรับ" ต้องทำในทุก ๆ วันล่ะ ?

นอกจากความสามารถทั้งหมดที่ได้กล่าวมา ความท้าทายของผู้เล่นในตำแหน่งนี้ยังเป็นเรื่องของการต้องมีสภาพจิตใจที่เข้มแข็ง พร้อมเข้าปะทะและรับแรงกระแทกอยู่ตลอดเวลา และยังต้องมีความฟิตคูณสองเท่าของเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย แต่น่าเศร้าที่ผู้เล่นในตำแหน่งนี้กลับแทบจะอยู่ในเงาของเพื่อนร่วมทีมตลอดเวลาเลยก็ว่าได้

แต่ถึงแม้พวกเขามักจะถูกมองข้ามและหลงลืมอยู่บ่อยครั้ง ตำแหน่ง 'มิดฟิลด์ตัวรับ' ก็เป็นตำแหน่งที่ทีมส่วนใหญ่ขาดไปไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะพวกเขาเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของทีมที่จะทำให้ตำแหน่งอื่นแสดงประสิทธิภาพสูงสุดของตนเองออกมาได้

วันนี้ 90MIN จึงอยากพาทุกท่านไปชม 10 อันดับมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดตลอดกาลว่ามีใครกันบ้าง


10. มาร์โก ทาร์เดลลี

Marco Tardelli
AS Photo Archive / Alessandro Sabattini/GettyImages

มาร์โก ทาร์เดลลี่ ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการลูกหนัง อิตาลี โดยเขาเป็นกำลังสำคัญของ ยูเวนตุส ในช่วงปลายยุค 70 ถึงต้นยุค 80 ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ได้ถึง 5 สมัยในระหว่างที่ค้าแข้งอยู่ใน ตูริน

ทาร์เดลลี่ เป็นนักเตะที่มีความครบเครื่องและสามารถปรับตัวเล่นได้หลายตำแหน่ง แต่ที่ทำให้เขาโดดเด่นที่สุดคือการเป็นมิดฟิลด์ที่มีเทคนิคยอดเยี่ยมในการแย่งบอล รวมถึงความสามารถในการทำลายเกมรุกของคู่แข่งและเปิดเกมสวนกลับได้อย่างฉับไวซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของทีมชาติ อิตาลี ชุดคว้า แชมป์โลก ในปี 1982

9. เอ็นโกโล่ ก็องเต้

N'Golo Kante
Chelsea v Sunderland - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages

แม้ในยุคที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด คุมทีม เชลซี เขาจะพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า ก็องเต้ มีความสามารถมากกว่าการเล่นเกมรับ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ ก็องเต้ โชว์ฟอร์มไฉไลที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงที่เขาได้ยืนประจำตำแหน่งกองกลางตัวรับแบบเต็มขั้น

ในช่วงแรกของอาชีพค้าแข้ง ก็องเต้ เริ่มต้นจากการเล่นในลีกระดับล่างของ ฝรั่งเศส ก่อนจะพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จในฤดูกาล 2015/16 โดยการเป็นกำลังสำคัญของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่สร้างปรากฏการณ์คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกได้แบบเหนือฝัน

เท่านั้นไม่พอ ก็องเต้ ยังพา เชลซี เถลิงบรรลังค์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อีก 2 สมัย รวมถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในนัดชิงชนะเลิศอีกด้วย

8. ดิดิเยร์ เดสชองส์

Didier Deschamps, Francesco Totti
France V Italy, UEFA Euro 2000 Final / Sportsphoto/Allstar/GettyImages

ดิดิเยร์ เดสชองส์ ได้รับฉายาว่า “เด็กยกน้ำ” จากอดีตเพื่อนร่วมทีมชาติ ฝรั่งเศส อย่าง เอริก คันโตน่า สะท้อนให้เห็นถึงความทำงานหนักและความสำคัญของเขาแม้จะไม่ค่อยมีคนมองเห็นก็ตาม

และแม้ว่า เดสชองส์ จะไม่ใช่นักเตะสายเทคนิคจ๋าเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่น แต่เขาก็เป็นนักเตะเบื้องหลังความสำเร็จให้ทีมมาโดยตลอด โดยเขาเป็นกัปตันทีมชาติ ฝรั่งเศส พาทีมคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก ปี 1998 และแชมป์ ยูโร ปี 2000 ได้อย่างยิ่งใหญ่

จากไหวพริบและความฉลาดในเรื่องฟุตบอลทำให้ เดสชองส์ ได้รับเลือกให้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม ตราไก่ หลังเลิกเล่นฟุตบอลไป และในปี 2018 เขาก็ได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลเพียง 3 คนที่สามารถคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก ได้ทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม

7. แกรม ซูเนสส์

Graeme Souness
Graeme Souness Liverpool v West Ham United 1981 League Cup Final / Getty Images/GettyImages

แม้ปัจจุบัน แกรม ซูเนสส์ อาจเป็นที่รู้จักในฐานะนักวิจารณ์ฟุตบอลมากกว่า แต่ในสมัยที่เจ้าตัวยังค้าแข้งอยู่ เขานี่แหละคือตัวอย่างสะท้อนให้เห็นว่าคำว่า 'เข้าหนัก' เป็นอย่างไร

อดีตมิดฟิลด์ชาว สก็อต คว้าแชมป์ลีกได้ถึง 5 สมัยจาก 6 ฤดูกาลที่ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล โดยเจ้าตัวมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือการเข้าสกัดได้อย่างถึงลูกถึงคน แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีสไตล์การเล่นที่เต็มไปด้วยแพชชั่นในแดนกลาง อดีตแข้งรายนี้ก็ไม่ได้มีดีแค่การสกัดบอลเพียงอย่างเดียว

ซูเนสส์ ทำไปทั้งหมด 92 ประตู ตลอดอาชีพการค้าแข้งในฟุตบอลลีก แถมหลายประตูยังมาจากลูกตะบันไกลอีกด้วย

6. ฌอง ติกานา

FBL-LOKOMOTIV LEIPZIG-BORDEAUX
FBL-LOKOMOTIV LEIPZIG-BORDEAUX / AFP/GettyImages

ฌอง ติกาน่า อาจไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับตามแบบฉบับตามตำราเป๊ะ เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะเจ้าตัวเป็นคนที่มีรูปร่างผอมบางปาดเปรียวซึ่งขัดกับความเป็นไปได้ในตำแหน่งที่ต้องทำการเข้าปะทะบดบี้อยู่บ่อยครั้ง แต่เชื่อหรือไม่ว่าครั้งหนึ่ง เขาเคยเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่แข็งแกร่งและดุดันที่สุดในโลกเลยทีเดียว

ติกาน่า เป็นขวัญใจแฟนบอลทีมชาติ ฝรั่งเศส ช่วงต้นทศวรรษที่ 80 โดยเจ้าตัวมีความเชี่ยวชาญในการเล่นเกมรับเป็นอย่างมากจนช่วยเปิดทางให้ผู้เล่นอย่าง มิเชล พลาตินี สามารถเล่นเกมรุกได้อย่างอิสระ และทำให้ทีม ตราไก่ คว้าแชมป์ ยูโร 1984 ซึ่งเป็นแชมป์รายการใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขาได้สำเร็จ

5. จิลแบร์โต้ ซิลวา

Gilberto Silva
Barclays Premiership: Arsenal v Reading / Shaun Botterill/GettyImages

ในฤดูกาลที่ อาร์เซน่อล แข็งแกร่งไร้เทียมทานจนไปได้ถึงคำว่า 'แชมป์ไร้พ่าย' ผู้คนมักพูดถึงนักเตะดาวดังอยาง เธียร์รี่ อองรี หรือไม่ก็ ปาทริค วิเอร่า แต่หนึ่งคนที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งแต่มักถูกหลงลืมไปก็คือ จิลแบร์โต้ ซิลวา ผู้เป็นเสมือนคนปิดทองหลังพระให้ทีม ปืนใหญ่ ในซีซันนั้น

ในยุคที่ทีม ปืนใหญ่ มีศักยภาพเกมรุกดุดันเกินคำบรรยาย แน่นอนว่าการที่เหล่าบรรดาตัวรุกจะพุ่งทะยานกระซวกคู่แข่งอย่างไม่หยุดยั้งได้ พวกเขาจะต้องมีความสบายใจว่าหลังบ้านของพวกเขาปลอดภัย ซึ่ง จิลแบร์โต้ ซิลวา เป็นคนที่ทำให้ความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นในทีม

ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่คู่แข่งพยายามเล่นเกมสวนกลับมา จิลแบร์โต้ ซิลวา จะคอยอยู่ตรงนั้นเพื่อดักสกัดบอลไม่ให้ไปถึงพื้นที่อันตรายได้เกือบทุกครั้ง ซึ่งด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ประกอบกับความฉลาดในการเลือกเล่นทำให้ดาวเตะชาว บราซิลเลี่ยน เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดที่ อาร์เซน่อล เคยมีมาเลยทีเดียว

4. เอ็ดการ์ ดาวิดส์

Edgar Davids of Juventus
Edgar Davids of Juventus / Alex Livesey/GettyImages

ตลอดช่วงระยะเวลากว่า 23 ปีในการค้าแข้ง เอ็ดการ์ ดาวิดส์ ถือว่าเป็นนักเตะที่ได้ค้าแข้งอยู่กับเหล่าบรรดาทีมชั้นนำใน ยุโรป มาโดยตลอด รวมถึงยังติดทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ไปกว่า 74 นัดอีกด้วย

ฉายาของเจ้าตัวคือ 'เดอะ พิทบูล' แปลง่าย ๆ คือมีสไตล์การเล่นคล้ายหมา พิทบูล ที่มีความดุดันกัดไม่ปล่อย แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อถึงเวลาเจ้าตัวได้ครองบอล เดวิดส์ ก็มีความสามารถในการควบคุมลูกบอลได้อย่างลื่นไหลและสวยงาม

3. เจนนาโร่ กัตตูโซ่

Gennaro Ivan Gattuso
AC Milan v AS Bari - Serie A / Valerio Pennicino/GettyImages

มิดฟิลด์ทีมชาติ อิตาลี รายนี้เป็นส่วนสำคัญช่วยให้ เอซี มิลาน ครองความยิ่งใหญ่ใน กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2003/04 โดยนำโด่งทิ้งห่างคู่แข่งมากถึง 11 คะแนน และคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999

ต่อมาในปี 2006 กัตตูโซ่ ได้รับโอกาสจับคู่กับ อันเดรีย ปีร์โล่ ในทีมชาติ อีตาลี เพื่อลุยศึก ฟุตบอลโลก ในปีนั้น และต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในทัวร์นาเม้นต์ที่ กัตตูโซ่ โชว์ฟอร์มได้ไฉไลมากที่สุดเลยทีเดียว

โดยมิดฟิลด์ของ ปีศาจแดงดำ ทำสถิติเข้าปะทะสำเร็จมากที่สุดในรายการแข่งขันพร้อมช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2006 ไปครองได้ด้วย

2. ดุงก้า

Dunga of Brazil
Dunga of Brazil / Ben Radford/GettyImages

ดุงก้า คือนักเตะที่เปรียบเสมือนเสาหลักของทีมชาติ บราซิล ชุดแชมป์ ฟุตบอลโลก 1994 และแม้สไตล์การเล่นที่เน้นความดุดันของเขาอาจไม่เข้ากับความเป็น 'แซมบ้า' ที่ขึ้นชื่อเรื่องฟุตบอลสวยงามและไหลลื่นอยู่ในพันธุกรรม แต่ความแตกต่างดังกล่าวก็เป็นประโยชน์ให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่จน บราซิล กลายเป็นทีมที่ไม่มีใครอยากเจอในยุคนั้น

นอกจากความดุดันที่ ดุงก้า ขึ้นชื่อ เจ้าตัวยังมีความโดดเด่นในการจ่ายบอลด้วยข้างเท้าด้านนอกได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการออกบอลจากแนวลึกซึ่งช่วยทำลายแนวรับคู่แข่งก็ช่วยให้เหล่าบรรดากองหน้าของ บราซิล ยุคนั้นผลิตสกอร์กันได้เป็นว่าเล่น

1. โคล้ด มาเกเลเล่

Claude Makelele
Chelsea v Liverpool - UEFA Champions League Semi Final 2nd Leg / Etsuo Hara/GettyImages

จะมีนักเตะสักกี่คนบนโลกที่ได้รับการเอ่ยถึงทุกครั้งเมื่อมีใครสักคนพูดถึงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในโลกฟุตบอล ยิ่งไปกว่านั้น จะมีกี่ครั้งกันเชียวที่ชื่อของนักเตะคนหนึ่งจะถูกนำไปใช้จำกัดความบทบาทการเล่นฟุตบอลจวบจนถึงปัจจุบัน แต่ โคล้ด มาเกเลเล่ คือคน ๆ นั้น

แข้ง ฝรั่งเศส จิ๋วแต่แจ๋วรายนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอลตลอดกาลด้วยความสามารถในการรับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างฉับไว และยังสามารถเล่นได้ทั้งเกมรุกและรับได้อย่างมีชั้นเชิงอีกด้วย

หลังย้ายมาร่วมทัพ เชลซี เมื่อปี 2003 มาเกเลเล่ ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักสำคัญที่เปลี่ยน เชลซี ให้กลายเป็นทีมมหาอำนาจลูกหนังจนสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ และยังกลายมาเป็นมาตรฐานที่ผู้เล่นกองกลางตัวรับทุกคนอยากไปให้ถึงอีกด้วย


อ่านบทความเกี่ยวกับ ซีรี่ย์ Best of all time เพิ่มเติมได้ที่นี่

feed